ถึงเวลา take profit หุ้นเทคโนโลยีสหรัฐฯแล้วหรือยัง ?

     ในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2023 นี้ถือเป็นปีที่หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีของสหรัฐฯ กลับมาสร้างผลตอบแทนได้อย่างโดดเด่น โดยดัชนี Nasdaq ปรับตัวเพิ่มขึ้นถึง 31.7% เป็นผลตอบแทนในช่วงครึ่งปีแรกที่ดีที่สุดนับตั้งแต่ปี 1983 เป็นต้นมา โดยราคาหุ้นหลายบริษัทที่เคยปรับตัวลดลงอย่างมากในปี 2022 กลับมาปรับเพิ่มขึ้นและทำราคาสูงสุดใหม่ ซึ่งบรรดาบริษัทเทคโนโลยีขนาดใหญ่ราคาหุ้นสามารถปรับตัวเพิ่มขึ้นได้ดีโดยเฉพาะนับตั้งแต่ในช่วงเกิดวิกฤติธนาคารขนาดเล็กของสหรัฐ ฯ ในช่วงเดือนมีนาคมที่ผ่านมา เพราะนักลงทุนส่วนใหญ่เชื่อใจบรรดาบริษัทเทคโนโลยีขนาดใหญ่ว่ามีสถานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง และน่าจะยังสร้างรายได้และกำไรได้ดี ในช่วงที่สหรัฐ ฯ อยู่ในช่วงเศรษฐกิจถดถอยหรือเกิดปัญหาในภาคธนาคารตามมาอีก นอกจากนี้อีกหนึ่งเหตุผลที่กำลังเป็นกระแสที่กำลังมาแรงที่สุดอยู่ในขณะนี้คือ ธีมการลงทุนในบริษัทที่มีความเกี่ยวข้องกับ AI อาทิ ราคาหุ้นของบริษัท Nvidia ที่กลายมาเป็นบริษทผลิตชิปที่มีมูลค่าสูงที่สุดในโลก เนื่องจากมีโปรดักส์ที่เป็นผู้นำด้าน GPU ที่นำไปใช้กับ AI ราคาหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นสูงถึง 228% นับตั้งแต่ต้นปี (ราคาจนถึงวันที่ 19 กรกฎาคม 2023)

     ด้าน Microsoft ที่เป็นผู้ลงทุนหนุนหลัง ChatGPT ราคาหุ้นก็ปรับตัวเพิ่มขึ้นถึง 48% นับตั้งแต่ต้นปีเช่นเดียวกันและราคาหุ้น Microsoft ก็ขึ้นไปแตะระดับ All-time high ได้ที่ระดับ $359.49 เหรียญ เมื่อวันที่ 18 กรกฎาคมที่ผ่านมาหลังจากประกาศว่าจะนำเทคโนโลยี AI ไปใส่ในโปรแกรม Microsoft Office เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการใช้งาน โดยจะเรียกเก็บเงินผู้ใช้ราว $30 เหรียญต่อหนึ่งบัญชีผู้ใช้งาน

     ส่วนราคาหุ้น Apple ในปีนี้นอกจาก Market Cap จะขึ้นไปแตะระดับ $3 ล้านล้านเหรียญได้แล้ว ยังขึ้นไปทำระดับ All-time high ที่ระดับราคา $195.10 เหรียญ หลังจากหลังจากมีรายงานข่าวว่า Apple กำลังซุ่มพัฒนา AI ที่มีลักษณะเดียวกับ ChatGPT ของ Microsoft และ Bard AI ของ Google ในชื่อโครงการ “Ajax” ซึ่งสำหรับ Apple ไม่เพียงแต่ปัจจัยบวกจากการพัฒนา AI เท่านั้น การเปิดตัวแว่น VR Vision Pro และ ผลการดำเนินงานไตรมาสแรกของปีที่ออกมาดีกว่าที่คาด ล้วนแต่เป็นปัจจัยหนุนที่ทำให้ราคาหุ้น Apple ปรับตัวเพิ่มขึ้นได้ถึง 56% ในปีนี้

     และเมื่อเข้าสู่ช่วงครึ่งหลังของปี จึงเริ่มเกิดคำถามว่า ถึงเวลาแล้วหรือยังที่นักลงทุนจะเริ่มทยอยขายทำกำไรหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นได้ดีนับตั้งแต่ต้นปี โดยนักลงทุนบางส่วนยังอาจจะมีความกังวลในประเด็นการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของ Fed ที่แน่นอนว่าจะส่งผลกระทบต่อทิศทางของราคาหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี โดยการขึ้นดอกเบี้ยของ Fed ในการประชุมวันที่ 26 กรกฎาคม น่าจะเป็นการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งสุดท้ายของวัฏจัรการขึ้นดอกเบี้ยของ Fed ในรอบนี้ นอกจากนี้มุมมองของตลาดโดยรวมผ่าน Fed fund futures ยังมองว่าดอกเบี้ยของ Fed เมื่อสิ้นปี 2024 มีโอกาสจะอยู่ที่ 4% สะท้อนมุมมองของตลาดว่า Fed มีโอกาสที่จะลดดอกเบี้ยในปีหน้ามากถึง 150 Bps จากดอกเบี้ยสูงสุดในกรอบบนที่ 5.5% ในช่วงสิ้นปีนี้

     อย่างไรก็ดีอัตราเงินเฟ้อสหรัฐ ฯ ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่จะส่งผลต่อการตัดสินใจปรับขึ้นหรือลดอัตราดอกเบี้ยของ Fed ที่ลดลงสู่ระดับ 3% ในเดือนมิถุนายนยังมีความเสี่ยงที่กลับมาปรับเพิ่มสูงขึ้นอีกในช่วงที่เหลือของปี ดังนั้นหากมองแต่เพียงปัจจัยในเรื่องผลกระทบจากตัวเลขเงินเฟ้อ และการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ราคาหุ้นกลุ่มเทคโนโลยียังอาจจะมีความผันผวนในระยะสั้น แต่หากมองภาพระยะยาวยังน่าจะมีทิศทางที่ดีหากดอกเบี้ยกลับมาเป็นขาลง ด้านปัจจัยในเรื่องผลการดำเนินงาน ในช่วงไตรมาสที่ 2 ของปีน่าจะถือจุดต่ำที่สุดในปีนี้ และเริ่มฟื้นตัวได้ในช่วงไตรมาสที่ 3 และ 4 ของปี

     โดยหากจะตัดสินใจว่า จะขายทำกำไรหุ้นในกลุ่มเทคโนโลยีสหรัฐฯ ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นมาตั้งแต่ต้นปีหรือไม่ ในระยะสั้นหากพอใจกับผลตอบแทนที่ได้ก็อาจมีการขายทำกำไรออกมาบ้างเพื่อเก็บผลตอบแทน แต่หากสามารถรับความเสี่ยงและความผันผวนในระยะสั้นได้ยังคงมีโอกาสที่หุ้นเทคโนโลยีสหรัฐ ฯ จะยังคงสามารถปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อไปได้

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ TISCO Contact Center 0 2633 6000 กด 4 , 0 2080 6000 กด 4
ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนการตัดสินใจลงทุน

รายงานฉบับนี้ไม่ถือว่าเป็นคำเสนอหรือคำชี้ชวนให้ซื้อหรือขายหลักทรัพย์ และจัดทำขึ้นเป็นการเฉพาะเพื่อประโยชน์แก่บุคคลที่เกี่ยวข้องกับบริษัทเท่านั้น มิให้นำไปเผยแพร่ทางสื่อมวลชนหรือโดยทางอื่นใด ทิสโก้ไม่ต้องรับผิดต่อความเสียหายใดๆ ที่เกิดขึ้นโดยตรงหรือเป็นผลจากการใช้เนื้อหาหรือรายงานฉบับนี้ การนำไปซึ่งข้อมูล บทความ บทวิเคราะห์ และการคาดหมายทั้งหลายที่ปรากฏอยู่ในรายงานฉบับนี้เป็นการนำไปใช้โดยผู้ใช้ยอมรับความเสี่ยงและเป็นดุลยพินิจของผู้ใช้แต่ผู้เดียว