เจาะลึกงบไตรมาสล่าสุด 6 จาก 7 บริษัท กลุ่ม Magnificent 7

     ขณะนี้ได้เข้าสู่ช่วงฤดูกาลประกาศผลการดำเนินงานไตรมาสที่ 4 ปี 2023 ของเหล่าบริษัทจดทะเบียนในตลาดหุ้นสหรัฐฯ ซึ่งล่าสุดมีบริษัทที่อยู่ในกลุ่ม Magnificent 7 ประกาศออกมาแล้ว 6 บริษัท ขาดเพียง NVIDIA ที่ประกาศวันที่ 21 ก.พ. โดยบริษัทเหล่านี้ถือเป็นกลุ่มที่ปรับตัวขึ้นแรงในปี 2023 แต่เมื่อเริ่มปี 2024 บางบริษัทกลับปรับตัวลง จากปัจจัยกดดันเฉพาะตัวที่อาจส่งผลกระทบต่อผลการดำเนินงานของบริษัท ซึ่งในบทความนี้จะมาอัพเดตข้อมูลผลการดำเนินงานไตรมาสล่าสุด และมุมมองของผู้บริหารของแต่ละบริษัท เพื่อวิเคราะห์ว่าบริษัทเหล่านี้ยังน่าลงทุนหรือไม่

Alphabet รายได้เติบโตทุกภาคส่วน แต่ตลาดกังวลต่อการเติบโตของธุรกิจโฆษณาในอนาคต

     Ø Alphabet รายงานผลการดำเนินงานไตรมาสล่าสุดดีกว่าคาด โดยรายได้เพิ่มขึ้น 13% YoY อยู่ที่ $86.3 billion และกำไรต่อหุ้นเพิ่มขึ้น 56% YoY อยู่ที่ $1.64 โดยรายได้ทุกธุรกิจของบริษัทเติบโตได้ดี นำโดยธุรกิจ Cloud ที่เติบโตตามความก้าวหน้าของ AI และ Cloud Services

     Ø ด้านธุรกิจโฆษณาซึ่งเป็นธุรกิจหลักของบริษัทเติบโต 10.9% YoY อยู่ที่ $65.5 billion แต่ต่ำกว่าคาดที่ $65.9 billion จึงทำให้ตลาดกังวลว่าการเติบโตของบริษัทอาจมีความไม่แน่นอนหากรายได้หลักยังคงมาจากธุรกิจโฆษณา ซึ่งประเด็นนี้ทำให้ราคาหุ้น -5.42% ในช่วง After hours

     Ø Sundar Pichai CEO ของ Alphabet ออกมากล่าวว่าบริษัทยังคงมุ่งเน้นการลงทุนใน AI และจะนำเครื่องมือ Generative AI รุ่นใหม่มาใช้ในผลิตภัณฑ์ของ Google มากขึ้น ขณะเดียวกันก็ส่งสัญญาณว่าอาจจำเป็นต้องทำการปรับลดตำแหน่งงานในธุรกิจอื่นๆ เพิ่มเติมในระยะข้างหน้า

Apple รายได้ iPhone ยังโตแม้ยอดขายในจีนลดลง แต่คาดว่าปีนี้ยอดขาย iPhone อาจชะลอ

     Ø Apple รายงานผลการดำเนินงานไตรมาสล่าสุดดีกว่าคาด โดยรายได้เพิ่มขึ้น 2% YoY อยู่ที่ $119.58 billion และกำไรต่อหุ้นเพิ่มขึ้น 16% YoY อยู่ที่ $2.18

     Ø โดยรายได้ไตรมาสนี้ได้รับแรงหนุนจากยอดขาย iPhone ซึ่งเป็นสัดส่วนรายได้หลักยังคงเติบโตราว 6% YoY อยู่ที่ $69.70 billion และรายได้ธุรกิจบริการต่างๆ ยังเติบโต 11% YoY อยู่ที่ $23.12 billion ขณะที่รายได้ในส่วนอื่นชะลอตัวลง ซึ่งกดดันจากยอดขายในจีนที่ลดลง

     Ø ผู้บริหารของบริษัทให้มุมมองว่าธุรกิจบริการยังคงเป็นธุรกิจที่มีศักยภาพการเติบโตอีกมาก และกล่าวว่าบริษัทเตรียมออก Apple AI ซึ่งจะเข้ามาสนับสนุนผลิตภัณฑ์ของบริษัทในปีนี้ ทั้งนี้บริษัทคาดว่าปีนี้ยอดขาย iPhone อาจชะลอลง จึงทำให้ราคาหุ้นปรับลง -2.92% After hours

Amazon รายได้เติบโตทุกภาคส่วน บริษัทคาดว่าปีนี้รายได้ธุรกิจ Cloud จะเติบโตโดดเด่น

     Ø Amazon รายงานผลการดำเนินงานไตรมาสล่าสุดดีกว่าคาด โดยรายได้เพิ่มขึ้น 14% YoY อยู่ที่ $170 billion และกำไรต่อหุ้นเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ $1.0 จากเดิมที่ $0.03

     Ø รายได้ในส่วนค้าปลีกออนไลน์เติบโต 13% YoY หนุนจากยอดขายในช่วงเทศกาลช้อปปิ้งออนไลน์อย่าง Black Friday และ Cyber ​​Monday เป็นต้น และการเปิดตัว Rufus AI ผู้ช่วยในการเลือกซื้อสินค้า ด้านรายได้จาก Amazon Web Services (AWS) เติบโต 13% YoY รับปัจจัยหนุนจากการทำข้อตกลงใหม่ กับบริษัทชั้นนำ อาทิ NVIDIA และ BMW เป็นต้น

     Ø ผู้บริหารของบริษัทกล่าวว่าบริษัทจะยังคงมุ่มเน้นไปที่การพัฒนา AI และ Cloud เพื่อลดต้นทุนและเสริมคุณสมบัติใหม่เข้ากับผลิตภัณฑ์ที่มีอยู่ เพื่อทำให้ลูกค้ามีประสบการณ์ใช้งานที่ดีในระยะยาว โดยคาดว่ารายได้ธุรกิจ Cloud ในปีนี้จะเริ่มเติบโตอย่างก้าวกระโดด

Microsoft รายได้เติบโตโดดเด่นนำโดยธุรกิจ Cloud ขณะที่ผู้บริหารย้ำถึงความสำคัญของ AI

     Ø Microsoft รายงานผลการดำเนินงานไตรมาสล่าสุดดีกว่าคาด โดยรายได้เพิ่มขึ้น 18% YoY อยู่ที่ $62 billion และกำไรต่อหุ้นเพิ่มขึ้น 33% YoY อยู่ที่ $2.93 โดยในไตรมาสนี้รายได้ธุรกิจบริการ Cloud เพิ่มขึ้นอย่างโดดเด่นที่ 20% YoY ซึ่งหลักๆ มาจากรายได้ Microsoft Azure

     Ø ด้านรายได้ธุรกิจ Productivity & Business Processes เพิ่มขึ้น 13% YoY หนุนจากยอดการสมัคร Microsoft 365 ของกลุ่มธุรกิจขนาดกลางและเล็ก และการต่อสัญญาของลูกค้าเก่าที่หันมาใช้ Microsoft ผ่านระบบ Cloud ด้านรายได้ธุรกิจ More Personal Computing เพิ่มขึ้น 19% YoY หนุนจากรายได้ Xbox ที่เติบโตหลังมีเกมจาก Activision Blizzard เข้ามาหนุน

     Ø ผู้บริหารของบริษัทกล่าวว่าบริษัทจะยังคงมุ่งเน้นไปที่การพัฒนาและผนวก AI เข้ากับผลิตภัณฑ์ของบริษัท ทั้งนี้บริษัทได้คาดการณ์ว่ารายได้ไตรมาสหน้าจะอยู่ที่ $60-61 billion คิดเป็นอัตราการเติบโตกว่า 15% YoY และค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานจะเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ $15.8-15.9 billion

Meta กำไรโตโดดเด่น หนุนจากรายได้โฆษณาและการลดต้นทุน และเริ่มจ่ายปันผลครั้งแรก

     Ø Meta รายงานผลการดำเนินงานไตรมาสล่าสุดดีกว่าคาด โดยรายได้เพิ่มขึ้น 25% YoY อยู่ที่ $40.1 billion และกำไรต่อหุ้นเพิ่มขึ้น 203% YoY อยู่ที่ $5.53 จากต้นทุนที่ลดลง

     Ø รายได้หลักจากค่าโฆษณายังคงเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง โดยไตรมาสล่าสุดอยู่ที่ 23.84% YoY รับปัจจัยหนุนจากการฟื้นตัวของตลาดโฆษณาออนไลน์ แม้ว่าบริษัทส่วนใหญ่จะยังคงระมัดระวังการใช้จ่ายก็ตาม ด้านหน่วยธุรกิจที่พัฒนา Metaverse ยังคงมีผลขาดทุนมากขึ้นที่ $4.65 billion

    Ø ด้านจำนวนผู้ใช้งานรายเดือนของ Facebook ยังมีผู้ใช้มากถึง 3,065 ล้านบัญชี และ รายได้เฉลี่ยของผู้ให้บริการต่อลูกค้าหนึ่งคน อยู่ที่ $13.12

     Ø ผู้บริหารของบริษัทออกมากล่าวว่าบริษัทยังคงมุ่งเน้นที่จะพัฒนาทางด้าน AI และ Metaverse และพยายามลดต้นทุนในส่วนธุรกิจอื่นๆ ที่ไม่ได้กำไรหรือมีแนวโน้มการเติบโตที่ชะลอตัวลง พร้อมกับประกาศจ่ายปันผล $0.50 ต่อหุ้น ซึ่งถือเป็นการประกาศจ่ายปันผลครั้งแรกของบริษัท

Tesla รายได้เติบโตเพียงเล็กน้อย จากการลดราคารถ ปีนี้คาดว่ายอดส่งมอบรถจะลดลง

     Ø Tesla รายงานผลการดำเนินงานไตรมาสล่าสุดดีกว่าคาด โดยรายได้เพิ่มขึ้น 3% YoY อยู่ที่ $25.2 billion ขณะที่กำไรต่อหุ้นลดลง 40% YoY อยู่ที่ $0.71 แต่ยังดีกว่าคาด

     Ø โดยรายได้ไตรมาสล่าสุดเติบโตเพียงเล็กน้อยเนื่องจากราคาขายเฉลี่ยที่ลดลง หลังบริษัทประกาศลดราคารถยนต์ทั่วโลกในช่วงครึ่งปีหลัง ขณะที่ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานยังคงเพิ่มขึ้น

     Ø ผู้บริหารของบริษัทได้ออกมากล่าวว่าการเติบโตของยอดการส่งมอบรถยนต์ในปีนี้อาจลดลงจากอุปสงค์รถยนต์ EV ทั่วโลกที่เริ่มชะลอ และอุปทานที่เริ่มล้นตลาด รวมทั้งการแข่งขันด้านราคาในจีน ซึ่งคำประกาศดังกล่าวทำให้ตลาดมีมุมมองเชิงลบต่อผลการดำเนินงานในปีนี้ของบริษัท

     โดยภาพรวมผลการดำเนินงานไตรมาสล่าสุดของบริษัทในกลุ่ม Magnificent Seven ยังคงเติบโตและออกมาดีกว่าคาด อย่างไรก็ตาม หากเราดูมุมมองของผู้บริหารแต่ละบริษัทจะพบว่ามีบางบริษัทที่คาดว่าผลการดำเนินงานในปีนี้จะชะลอตัวจากปัจจัยกดดันด้านการตลาดและปัจจัยเฉพาะตัว อาทิ Alphabet, Apple และ Tesla เป็นต้น ด้วยเหตุนี้กลุ่มเหล่านี้จึงเผชิญหน้ากับแรงเทขายทำกำไรออกมาหลังปรับตัวขึ้นแรงเมื่อปีก่อนหน้า

     อย่างไรก็ดี ด้วยทิศทางนโยบายการเงินทั่วโลกในปัจจุบันที่มีแนวโน้มกลับทิศเป็นขาลงในปีนี้ และแนวโน้มการเติบโตที่สดใสของอุตสาหกรรม AI และ Cloud จะยังเป็นปัจจัยหนุนหลักให้สินทรัพย์เสี่ยงกลับมาน่าสนใจ โดยเฉพาะหุ้นกลุ่ม Tech ขนาดใหญ่ที่จะเป็นตัวเลือกแรกๆ ที่นักลงทุนให้ความสนใจลงทุน ด้วยเหตุนี้เราจึงยังแนะนำเข้าลงทุนในหุ้น Tech ขนาดใหญ่ เมื่อตลาดมีการปรับฐาน หรือทยอยเข้าสะสมเพื่อคาดหวังผลตอบแทนในระยะยาว

 

ที่มา: Bloomberg & company presentation

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ TISCO Contact Center 0 2633 6000 กด 4 , 0 2080 6000 กด 4
ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนการตัดสินใจลงทุน

รายงานฉบับนี้ไม่ถือว่าเป็นคำเสนอหรือคำชี้ชวนให้ซื้อหรือขายหลักทรัพย์ และจัดทำขึ้นเป็นการเฉพาะเพื่อประโยชน์แก่บุคคลที่เกี่ยวข้องกับบริษัทเท่านั้น มิให้นำไปเผยแพร่ทางสื่อมวลชนหรือโดยทางอื่นใด ทิสโก้ไม่ต้องรับผิดต่อความเสียหายใดๆ ที่เกิดขึ้นโดยตรงหรือเป็นผลจากการใช้เนื้อหาหรือรายงานฉบับนี้ การนำไปซึ่งข้อมูล บทความ บทวิเคราะห์ และการคาดหมายทั้งหลายที่ปรากฏอยู่ในรายงานฉบับนี้เป็นการนำไปใช้โดยผู้ใช้ยอมรับความเสี่ยงและเป็นดุลยพินิจของผู้ใช้แต่ผู้เดียว