ความตึงเครียดในทะเลแดงทวีความรุนแรงขึ้นจะกระทบราคาน้ำมันโลกหรือไม่?

     อีกหนึ่งประเด็นที่ยังคงเป็นที่จับตาของทั่วโลกอยู่ในขณะนี้คือ ความตึงเครียดในแถบทะเลแดง ซึ่งถือเป็นเส้นทางการขนส่งทางทะเลที่สำคัญของโลก โดยเหตุการณ์ดังกล่าวปะทุขึ้นหลังกลุ่มฮามาสเปิดฉากโจมตีอิสราเอลครั้งใหญ่ ในช่วงต้นเดือน ต.ค. ของปีที่แล้ว จนขยายวงกว้างไปยังทะเลแดง โดยกลุ่มกบฏฮูตี ซึ่งเป็นกลุ่มพันธมิตรของฮามาสในเยเมน ประกาศว่าจะโจมตีเรือสินค้าทุกลำที่มุ่งหน้าไปยังอิสราเอล

ความตึงเครียดในทะเลแดงยังคงดำเนินต่อ

     เมื่อวันที่ 12 ม.ค. ที่ผ่านมา ทางกองทัพสหรัฐฯ และประเทศพันธมิตร เปิดฉากปฏิบัติการโจมตีทางอากาศใส่เป้าหมายที่มีความเกี่ยวข้องกับกลุ่มกบฏฮูตีในเยเมนมากกว่า 12 จุด รวมทั้งในกรุงซานา (Sanaa) และเมืองฮูดัยดะห์ (Hudaydah) เมืองท่าหลักติดทะเลแดงของเยเมน และต่อมาในวันที่ 15 ม.ค. ทางการสหรัฐอเมริกาเผยว่า กลุ่มติดอาวุธฮูตีได้โจมตีเรือบรรทุกสินค้าของสหรัฐฯ ขณะกำลังแล่นอยู่ในอ่าวเอเดนใกล้กับทะเลแดง แต่ไม่ได้รับความเสียหายรุนแรง แม้บริษัทรักษาความปลอดภัยในการเดินเรือจะพิจารณาว่าเรือลำล่าสุดนี้ไม่มีความเกี่ยวพันกับอิสราเอล แต่กลุ่มฮูตีชี้แจงว่าการเป็นเรือของสหรัฐฯ ก็เพียงพอแล้วที่จะตกเป็นเป้าหมายในการโจมตี

ผลกระทบที่เกิดขึ้นตามมาตั้งแต่เกิดการโจมตีในทะแลแดง

     กลุ่มฮูตีได้ใช้โดรนและขีปนาวุธโจมตี รวมถึงยึดเรือสินค้าที่แล่นผ่านทะเลแดงหลายลำ ซึ่งภัยคุกคามดังกล่าวทำให้บริษัทขนส่งสินค้าทางทะเลรายใหญ่หลายราย อย่างเช่น ZIM, Maersk, MSC, OOCL, CMA CGM, Hapag-Lloyd, Yang Ming, HMM, ONE, EURONAV, WILHELMSEN, Evergreen, Wan Hai เป็นต้น ต้องหลีกเลี่ยงเส้นทางเดินเรือ และหันไปใช้เส้นทางอ้อมแหลมกู๊ดโฮป (Cape of Good Hope) ทางตอนใต้ของทวีปแอฟริกาแทน รวมถึงบางบริษัทได้ระงับการส่งสินค้าไปยังอิสราเอลชั่วคราวด้วย เพื่อลดความเสี่ยงจากการโจมตีของกลุ่มกบฏฮูตี

     เส้นทางการเดินเรือในทะเลแดง ถือเป็นเส้นทางการค้าที่สำคัญระหว่างภูมิภาคเอเชียและยุโรป ซึ่งคิดเป็นประมาณ 15% ของปริมาณการขนส่งสินค้าทั่วโลก (ข้อมูล ณ วันที่ 12 ม.ค. 2024) โดยล่าสุดกลุ่มฮูตีได้โจมตีเรือไปแล้วทั้งหมด 27 ลำ

     การเปลี่ยนเส้นทางเดินเรือ เพื่อหลีกเลี่ยงสถานการณ์ดังกล่าว ทำให้การขนส่งทางทะเลต้องใช้ระยะเวลามากขึ้น ส่งผลให้อัตราค่าระวางเรือเพิ่มสูงขึ้น นอกจากนี้ ทะเลแดงยังถือเป็นเส้นทางการขนส่งน้ำมันที่สำคัญ โดยก่อนหน้านี้ทาง BP บริษัทน้ำมันยักษ์ใหญ่จากอังกฤษ ได้ประกาศระงับการขนส่งผ่านเส้นทางนี้ และหากสถานการณ์ตึงเครียดมากขึ้น คาดว่าอาจทำให้บริษัทน้ำมันรายอื่นๆ ระงับการขนส่งไปด้วย จนอาจสร้างความกังวลด้านอุปทานน้ำมัน ซึ่งจะเป็นแรงผลักดันให้ราคาพลังงานโลกปรับเพิ่มสูงขึ้น

     ทั้งนี้ความเสี่ยงในด้านห่วงโซ่อุปทาน และต้นทุนการขนส่งสินค้าที่เพิ่มขึ้น อาจจะส่งผ่านต้นทุนไปยังผู้บริโภคโดยการขึ้นราคาสินค้า จึงทำให้นักลงทุนเริ่มเกิดความกังวลว่าเงินเฟ้อจะกลับมาเร่งตัวเพิ่มขึ้นสูงอีกครั้ง หลังจากที่ชะลอตัวลงอย่างต่อเนื่องในช่วงที่ผ่านมา

อัตราค่าระวางเรือปรับตัวเพิ่มขึ้น แต่ยังคงต่ำกว่าในช่วง COVID-19

     ค่าระวางเรือที่ส่งไปในแต่ละเส้นทางต่างมีราคาที่แตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับขนาดตู้คอนเทนเนอร์ที่ขนส่ง และระยะทางระหว่างท่าเรือต้นทางและปลายทาง ซึ่งหากดูอัตราค่าระวางเรือจากเอเชียไปสหรัฐฯ ที่ปรับตัวขึ้นในช่วงเดือน ม.ค. (ข้อมูล ณ วันที่ 12 ม.ค. 2024) จะพบว่ายังคงอยู่ต่ำกว่าระดับที่ประเมินไว้ว่าจะขึ้นไปเกิน $5,000

     และหากดูค่าระวางเรือที่ออกจากท่าเรือเซี่ยงไฮ้ไปท่าเรือต่างๆ ในฝั่งยุโรปและสหรัฐฯ จะเห็นได้ว่ามีการปรับตัวขึ้นมาระดับหนึ่ง แต่ยังคงอยู่ต่ำกว่าช่วง COVID-19 ที่เคยเพิ่มขึ้นเหนือ $10,000 เนื่องจากการล็อกดาวน์ของประเทศจีน นอกจากนี้หากดูดัชนี Composite Index ซึ่งเป็นดัชนีอัตราค่าระวางเรือเฉลี่ยไปกลับระหว่างเอเชียกับยุโรป และ สหรัฐฯ ก็ปรับขึ้นแต่ไม่มากไปกว่าช่วง COVID-19เช่นกัน ทั้งนี้ หากสถานการณ์ในแถบทะเลแดงยังคงไม่สงบ ค่าระวางเรืออาจยังคงมีความผันผวนต่อเนื่องในระยะข้างหน้า ดังนั้น จึงมีความจำเป็นต้องติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด

ราคาน้ำมันไม่ได้เป็นประเด็นที่น่ากังวลในขณะนี้

     หลังจากที่สงครามอิสราเอล - ฮามาส ได้เปิดฉากขึ้น ราคาน้ำมันดิบ (WTI) ปรับขึ้นไปแตะที่ระดับสูงสุดประมาณ $89 ดอลลาร์/บาร์เรล ในเดือน ต.ค. ก่อนที่จะเริ่มปรับตัวลดลงเรื่อยๆ จากความกังวลต่ออุปสงค์น้ำมันโลก จนปัจจุบันการปะทะกันระหว่างกลุ่มฮูตีกับเรือสินค้าสหรัฐฯ ก็ยังไม่ได้ทำให้ราคาน้ำมันดิบกลับมาฟื้นตัวขึ้นอย่างมีนัยยะ โดยในระยะข้างหน้า เรายังคงเชื่อว่าราคาน้ำมันยังคงได้รับปัจจัยกดดันจากเศรษฐกิจโลกที่กำลังมีทิศทางชะลอลงจากภาวะอัตราดอกเบี้ยสูง รวมถึงประเทศจีนที่ถือเป็นประเทศที่มีการใช้น้ำมันดิบรายใหญ่อันดับ 2 ของโลก มีการรายงานตัวเลขเศรษฐกิจที่ยังคงอ่อนแอ ซึ่งอาจส่งผลกระทบให้อุปสงค์น้ำมันฟื้นตัวได้ช้าลง นอกจากนี้ การที่ซาอุดิอาระเบียประกาศลดราคาน้ำมันครั้งใหญ่ที่จำหน่ายให้แก่ประเทศในฝั่งเอเชีย ก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่กดราคาน้ำมันอีกด้วย ดังนั้น เรามองว่าราคาน้ำมันดิบโลก มีโอกาสน้อยที่จะปรับตัวขึ้นอย่างรุนแรง

     อย่างไรก็ตาม อัตราค่าระวางเรือ และราคาน้ำมันยังคงมีความผันผวนและมีความไม่แน่นอนสูงอยู่ จึงยังคงต้องจับตาดูในระยะถัดไป ว่าสถานการณ์ในระยะข้างหน้าจะทวีความรุนแรงจนทำให้เงินเฟ้อกลับมาเป็นเรื่องที่ทั่วโลกกังวลอีกครั้งหรือไม่

ที่มา : Bloomberg, CNBC, The Standard Wealth, กรุงเทพธุรกิจ

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ TISCO Contact Center 0 2633 6000 กด 4 , 0 2080 6000 กด 4
ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนการตัดสินใจลงทุน

รายงานฉบับนี้ไม่ถือว่าเป็นคำเสนอหรือคำชี้ชวนให้ซื้อหรือขายหลักทรัพย์ และจัดทำขึ้นเป็นการเฉพาะเพื่อประโยชน์แก่บุคคลที่เกี่ยวข้องกับบริษัทเท่านั้น มิให้นำไปเผยแพร่ทางสื่อมวลชนหรือโดยทางอื่นใด ทิสโก้ไม่ต้องรับผิดต่อความเสียหายใดๆ ที่เกิดขึ้นโดยตรงหรือเป็นผลจากการใช้เนื้อหาหรือรายงานฉบับนี้ การนำไปซึ่งข้อมูล บทความ บทวิเคราะห์ และการคาดหมายทั้งหลายที่ปรากฏอยู่ในรายงานฉบับนี้เป็นการนำไปใช้โดยผู้ใช้ยอมรับความเสี่ยงและเป็นดุลยพินิจของผู้ใช้แต่ผู้เดียว