
ความขัดแย้งระหว่าง Elon Musk และประธานาธิบดี Donald Trump ได้ลุกลามจากความเห็นต่างทางนโยบาย สู่การปะทะกันอย่างเปิดเผยผ่านสื่อสาธารณะ จนกลายเป็นแรงกดดันสำคัญต่อราคาหุ้นของ Tesla และความเชื่อมั่นของนักลงทุนทั่วโลก โดยในวันพฤหัสบดี ที่ 5 มิถุนายน ที่ผ่านมา ราคาหุ้นของ Tesla ร่วงลงกว่า 14% ซึ่งถือเป็นการปรับตัวลดลงใน 1 วันมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนมีนาคม 2023 และส่งผลให้มูลค่าตลาดของบริษัทหายไปราว $150 billion ภายในเวลาเพียงไม่กี่ชั่วโมง ท่ามกลางความกังวลว่า ความสัมพันธ์ที่แตกร้าวระหว่าง Musk และ Trump อาจกลายเป็นชนวนที่ส่งผลต่อเสถียรภาพระยะยาวของ Tesla และอุตสาหกรรมพลังงานสะอาดในสหรัฐฯ
จากพันธมิตรสู่คู่ขัดแย้ง: จุดเริ่มต้นของความแตกหัก
เดิมที Musk และ Trump ต่างเคยเป็นพันธมิตรทางอำนาจที่ส่งอิทธิพลต่อกันอย่างสูง โดย Musk เป็นหนึ่งในผู้สนับสนุนแนวคิดลดบทบาทรัฐบาลกลางและส่งเสริมนโยบายเศรษฐกิจเสรีของ Trump ในช่วงหาเสียงที่ผ่านมา Musk ได้ระดมทุนช่วย Trump กว่า $250 million และยังได้รับบทบาทในการทำงานในหน่วยงาน The Department of Government Efficiency (DOGE) ซึ่งทำหน้าที่ลดรายจ่ายของรัฐบาลสหรัฐฯ
อย่างไรก็ตาม รอยร้าวเริ่มปรากฏเมื่อ Musk ลาออกจากตำแหน่งใน DOGE และได้ออกมาวิจารณ์ร่างกฎหมายภาษีของ Trump ซึ่งรวมถึงการยกเลิกเครดิตภาษีสำหรับผู้ซื้อรถยนต์ไฟฟ้า (EV) การจำกัดการใช้วัสดุจากจีน และการยุติเงินอุดหนุนด้านพลังงานสะอาด โดยมองว่านโยบายเหล่านี้เป็นการบั่นทอนอนาคตของ Tesla และอุตสาหกรรมพลังงานแห่งอนาคตของประเทศ หลังจากนั้น Trump ได้ออกมาตอบโต้ด้วยถ้อยคำรุนแรง โดยกล่าวว่า “ผิดหวังอย่างมาก” ต่อพฤติกรรมของ Musk พร้อมระบุว่ากำลังพิจารณายุติสัญญาของรัฐบาลกลางกับบริษัทในเครือของ Musk ทั้งหมด และอ้างว่าเคยร้องขอให้ Musk ออกจากทีมบริหารของเขา ซึ่ง Musk ปฏิเสธทันควันว่าเป็น “คำโกหก” และประกาศตอบโต้ด้วยการถอนยานอวกาศของ SpaceX ออกจากภารกิจที่เกี่ยวข้องกับรัฐบาลสหรัฐฯ
ผลกระทบเชิงโครงสร้าง: Tesla สูญเสียความได้เปรียบเชิงนโยบาย
ร่างกฎหมายภาษีฉบับใหม่ของ Trump ซึ่งกำลังอยู่ระหว่างการพิจารณาในวุฒิสภา มีแนวโน้มจะส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อ Tesla ในหลายด้านไม่ว่าจะเป็น
การยกเลิกเครดิตภาษี EV มูลค่า $7,500 ต่อคัน: หากมีผลบังคับใช้ก่อนกำหนดเดิม 7 ปี อาจทำให้ Tesla สูญเสียรายได้ราว $1.2 billion ตามการวิเคราะห์ของ JPMorgan
- ยุติรายได้จากการขายเครดิตของรัฐแคลิฟอร์เนีย: คาดว่าจะกระทบรายได้อีกกว่า $2 billion
- จำกัดการใช้วัสดุจากจีน: ทำให้ต้นทุนผลิตแบตเตอรี่และโครงสร้าง EV สูงขึ้น
- เร่งยกเลิกแรงจูงใจด้านพลังงานสะอาด: กระทบหน่วยธุรกิจพลังงานของ Tesla โดยตรง ทั้งระบบโซลาร์และแบตเตอรี่
บทวิเคราะห์จาก JPMorgan คาดว่ามาตรการเหล่านี้จะกระทบกำไรก่อนหักดอกเบี้ยและภาษี ของ Tesla ปีนี้เกือบครึ่งหนึ่งจากประมาณการเดิมของซึ่งอยู่ที่กว่า $6 billion
แรงกระเพื่อมต่อนักลงทุน: เสถียรภาพของ ‘Musk Empire’ ถูกตั้งคำถาม
Ross Gerber ประธานและ CEO ของ Gerber Kawasaki ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นรายสำคัญของ Tesla ระบุว่า พฤติกรรมของ Musk อาจเข้าข่ายการละเลยผลประโยชน์ผู้ถือหุ้น และมีแนวโน้มที่จะถูกฟ้องร้องจากนักลงทุนบางส่วน โดยเฉพาะเมื่อราคาหุ้นร่วงลงรุนแรงในช่วงที่ควบคุมได้ยากเขายังเสริมว่า “เราอาจกำลังเห็นการล่มสลายของจักรวรรดิ Musk ในรูปแบบเรียลไทม์” ซึ่งสะท้อนถึงความกังวลว่า Musk อาจโฟกัสกับการต่อสู้เชิงการเมืองมากเกินไป จนเบี่ยงเบนจากพันธกิจหลักในการขับเคลื่อนนวัตกรรมและผลกำไร
เดิมพันของ Tesla และอนาคตอุตสาหกรรมพลังงานสะอาด
ความขัดแย้งครั้งนี้ไม่เพียงสะท้อนถึงแรงสั่นสะเทือนระหว่างสองบุคคลระดับโลก แต่ยังเป็นสัญญาณเตือนสำหรับอุตสาหกรรมพลังงานสะอาดของสหรัฐฯ ที่กำลังพึ่งพาเงินอุดหนุนจากภาครัฐและแรงจูงใจด้านภาษีอย่างสูง โดยเฉพาะในยุคหลังการบังคับใช้กฎหมาย Inflation Reduction Act ของประธานาธิบดี Joe Biden ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งในการทำให้เกิดความคาดหวังการเติบโตของ Tesla
โดยการลงทุนของ Tesla ในโรงงานผลิตแบตเตอรี่ แร่ลิเทียม และ EV ภายในประเทศ แม้จะสอดคล้องกับเป้าหมายด้านห่วงโซ่อุปทานของสหรัฐฯ แต่หากนโยบายสนับสนุนเหล่านี้ถูกย้อนกลับในรัฐบาลถัดไป อาจทำให้ความได้เปรียบเชิงโครงสร้างของ Tesla ถูกลดทอนลงอย่างมีนัยสำคัญ
ความขัดแย้งระหว่าง Musk และ Trump กำลังกลายเป็นตัวอย่างสำคัญของ “political risk” ที่สามารถแปรเปลี่ยนเป็นความเสี่ยงเชิงระบบ ได้ภายในเวลาไม่กี่วัน ไม่ใช่เพียงเฉพาะกับบริษัทใดบริษัทหนึ่ง แต่กับทั้งอุตสาหกรรมที่กำลังเดินหน้าสู่อนาคต โดย Tesla ซึ่งเคยเป็นสัญลักษณ์ของนวัตกรรมและพลังแห่งการเปลี่ยนแปลง อาจกำลังเผชิญช่วงเปลี่ยนผ่านที่เปราะบางที่สุดครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์ของบริษัท และคำตอบสุดท้ายของการแก้ปัญหาอาจกลายมาเป็นการเปลี่ยนแปลงตัว CEO เพราะในช่วงไม่ถึง 1 ปีที่ผ่านมา การมีบทบาททางการเมืองของ Musk ได้ทำให้ราคาหุ้น Tesla ผันผวนอย่างหนักทั้งในช่วงที่เป็นมิตรและเป็นศัตรูกับ Trump
Source: Bloomberg