/
/
/
/
แนวโน้มราคาทองคำจะเป็นอย่างไร ในช่วง 1 ปีหลังจากนี้

แนวโน้มราคาทองคำจะเป็นอย่างไร ในช่วง 1 ปีหลังจากนี้

     ทองคำเป็นสินทรัพย์ที่มีมูลค่าในตัวเอง และเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัยสูง (Safe Haven) ซึ่งสามารถปรับตัวเพิ่มขึ้นได้ในช่วงที่ตลาดเกิดความไม่แน่นอน ในทั้งภาวะทางเศรษฐกิจถดถอยหรือสงคราม โดยช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา ตลาดทั่วโลกได้เข้าสู่สภาวะ Risk-Off (นักลงทุนเทขายสินทรัพย์เสี่ยงไปสู่สินทรัพย์ปลอดภัย) อีกครั้ง หลังตลาดถูกกดดันจากความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลและกลุ่มฮามาส ส่งผลให้ราคาทองคำพุ่งขึ้นสูงถึง 7% นับตั้งแต่เริ่มสงคราม

     ถึงแม้ว่าทองคำจะถูกใช้เป็น Safe Haven Asset ในช่วงภาวะของสงคราม แต่ราคาทองก็มักจะปรับขึ้นในวงจำกัด ในข ณะเดียวกันก็จะปรับลดลงในวงจำกัดเช่นเดียวกัน ซึ่งสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในปัจจุบันก็มีโอกาสสูงที่ราคาทองคำจะเคลื่อนไหวในกรอบกว้างๆ เนื่องจากปัจจัยที่ส่งผลต่อการเคลื่อนไหวของราคาทองคำมีทั้งปัจจัยหนุนและปัจจัยกดดันในเวลาเดียวกัน โดยจากการคาดการณ์ของ Bloomberg Consensus ให้กรอบราคาทองสูงสุด และ ต่ำสุดในช่วง 1 ปีหลังจากนี้อยู่ที่ประมาณ 1,720 – 2,200 ดอลลาร์/ออนซ์

     ซึ่งราคาทองคำปัจจุบันอยู่ที่ 1,969.80 ดอลลาร์/ออนซ์ (ข้อมูลราคาเปิด Gold Spot: XAUUSD ณ วันที่ 10 พฤศจิกายน 2566) จะเห็นได้ว่ากรอบการคาดการณ์ดังกล่าวจะอยู่ในกรอบบน-ล่าง ประมาณ 15% โดยเรามองว่าปัจจัยที่จะส่งผลต่อราคาทองในช่วง 1 ปีหลังจากนี้ มี 4 ปัจจัยหลักได้แก่

     1. ความขัดแย้งเชิงภูมิรัฐศาสตร์ : ปัจจุบันตลาดการเงินทั่วโลกยังมีความผันผวนสูง เนื่องด้วยสงครามอิสราเอล-ฮามาสที่ยังคงดำเนินอยู่ ทำให้ทองคำเปรียบเสมือนหลุมหลบภัยสำหรับนักลงทุน แต่หากอ้างอิงจากสถิติย้อนหลังในช่วงที่เกิดสงครามแต่ละครั้ง ไม่ว่าจะเป็น สงครามอ่าว(ปี 1991) ,สงครามอาฟกานิสถาน(ปี 2001) ,สงครามอิรัก(ปี 2003) ,สงครามลิเบีย(ปี 2011) ,สงครามรัสเซีย-ยูเครน(ปี 2022) รวมถึงสงครามอิสราเอล-กลุ่มฮามาส พบว่าราคาทองคำในช่วงภาวะของสงครามจะปรับขึ้นเฉลี่ยไม่เกิน 10% ซึ่งถือว่าเป็นสถิติที่พอจะใช้อ้างอิงเพื่อคาดการณ์ความเคลื่อนไหวของราคาทองคำในอนาคตได้

     2. ความต้องการใช้ทองคำ : ความต้องการใช้ทองคำระหว่างปี 2013 จนถึง ไตรมาส 2 ปี 2023 เฉลี่ยอยู่ที่ราวๆ 1,000 ตันต่อปี โดยทองคำถูกได้รับความนิยมในการทำเครื่องประดับมากที่สุดตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน แต่ในช่วงที่ราคาทองคำอยู่ในระดับสูง ความต้องการจากกลุ่ม Jewellery ลดลงบ้าง ในขณะที่ปี 2022 ภายหลัง Fed ได้เริ่มใช้นโยบายการเงินแบบตึงตัว ส่งผลให้สกุลเงินดอลลาร์แข็งค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินอื่น จนกระทั่งเกิดกระแส De-Dollarization (การลดบทบาทของดอลลาร์) ซึ่งทำให้ทางธนาคารกลางแต่ละประเทศ ได้มีการเพิ่มบทบาทในการถือครองทองคำมากขึ้นในฐานะ Store of Value โดยนำทุนสำรองไปซื้อทองคำมากขึ้นเพื่อกระจายความเสี่ยงในการลงทุน นอกเหนือจากการสะสมพันธบัตรรัฐบาล ด้วยเหตุนี้ เรามองว่าราคาทองคำในระยะหลังจากนี้ จะมีทั้งปัจจัยหนุน และ ปัจจัยกดดันในเวลาเดียวกัน ส่งผลให้ราคามีโอกาสที่จะแกว่งตัวอยู่ในกรอบ

     3. แนวโน้มเศรษฐกิจของสหรัฐฯ : อัตราดอกเบี้ยสหรัฐฯ ในปัจจุบันอยู่ที่ 5.25%-5.50% และตลาดคาดว่า Fed อาจสิ้นสุดวัฏจักรการขึ้นดอกเบี้ยในเร็วๆนี้ หลังอัตราเงินเฟ้อสหรัฐฯมีแนวโน้มชะลอลงต่อเนื่อง หากศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างราคาทองคำกับเงินเฟ้อ และ ช่วงที่ Fed คงดอกเบี้ยในอดีต พบว่าในช่วงเวลาดังกล่าว ราคาทองคำนั้นมักจะปรับตัวขึ้นได้อย่างจำกัด

     4. ต้นทุนของธุรกิจเหมืองทองคำ : จากข้อมูล World Gold Council ในไตรมาสที่  1/2022 พบว่าต้นทุนการขุดเหมืองทองคำ (Average all-in sustaining costs) อยู่ที่ 1,232 ดอลลาร์/ออนช์ ในขณะที่ราคาทองคำมักจะเทรดสูงกว่าค่าเฉลี่ยของต้นทุนการขุดเหมือง (margin average) ประมาณ $338 ในช่วงปี 2012-2019 หรือที่ระดับราคา $1,570 ทำให้ประเมินได้ว่าราคาทองคำจะปรับลดลงจำกัด นอกจากนี้ล่าสุดเรายังพบว่าต้นทุนยังมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นต่อเนื่องในปี 2023 โดยข้อมูลล่าสุดภายหลังไตรมาสที่ 1/2023 ต้นทุนการขุดเหมืองทองคำเพิ่มขึ้นเป็น 1,358 ดอลลาร์/ออนช์ ซึ่งเป็นผลมาจากต้นทุนที่ปรับเพิ่มขึ้นต่อเนื่องจากปี 2022 จากปัญหาห่วงโซ่อุปทาน (global supply chain), ขาดแคลนแรงงานในช่วง COVID และ ปัญหาต้นทุนการผลิตเพิ่มขึ้นจากสงครามรัสเซีย-ยูเครน 

     ถึงแม้ว่าล่าสุดสงครามระหว่างอิสราเอลและกลุ่มฮามาสในครั้งนี้จะยังไม่สามารถระบุได้แน่ชัดว่าจะรุนแรงขึ้นหรือบานปลายแค่ไหน แต่จากการคาดการณ์ราคาทองคำจากนักวิเคราะห์และปัจจัยต่างๆที่ส่งผลต่อราคาทองคำ ก็พอทำให้เราสรุปได้ว่าราคาทองคำมีโอกาสสูงที่จะวิ่งอยู่ในกรอบที่ 1,720- 2,200 ดอลลาร์/ออนซ์  หรือราคาสามารถปรับขึ้น และ ลงได้จากราคาทองคำในปัจจุบัน ดังนั้นในแง่ของการลงทุนอาจจะเหมาะกับเครื่องมือการลงทุนที่จำกัดความเสี่ยง และ สามารถสร้างผลตอบแทนได้ไม่ว่าราคาทองคำจะปรับเพิ่มขึ้นหรือลดลง

Source: World Gold Council 2023, Bloomberg

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ TISCO Contact Center 0 2633 6000 กด 4 , 0 2080 6000 กด 4
ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนการตัดสินใจลงทุน

รายงานฉบับนี้ไม่ถือว่าเป็นคำเสนอหรือคำชี้ชวนให้ซื้อหรือขายหลักทรัพย์ และจัดทำขึ้นเป็นการเฉพาะเพื่อประโยชน์แก่บุคคลที่เกี่ยวข้องกับบริษัทเท่านั้น มิให้นำไปเผยแพร่ทางสื่อมวลชนหรือโดยทางอื่นใด ทิสโก้ไม่ต้องรับผิดต่อความเสียหายใดๆ ที่เกิดขึ้นโดยตรงหรือเป็นผลจากการใช้เนื้อหาหรือรายงานฉบับนี้ การนำไปซึ่งข้อมูล บทความ บทวิเคราะห์ และการคาดหมายทั้งหลายที่ปรากฏอยู่ในรายงานฉบับนี้เป็นการนำไปใช้โดยผู้ใช้ยอมรับความเสี่ยงและเป็นดุลยพินิจของผู้ใช้แต่ผู้เดียว

Scroll to Top
บริการออนไลน์
กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ
กองทุนรวม

เว็บไซต์นี้มีการจัดเก็บคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการใช้งานเว็บไซต์ของท่านให้ดียิ่งขึ้น และนำเสนอโฆษณาที่เกี่ยวข้องและตรงกับความสนใจของท่าน โดยท่านสามารถศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้จาก นโยบายการใช้คุกกี้ กรุณากดยอมรับเพื่อยินยอมให้เราใช้คุกกี้

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้ที่จำเป็น

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้

บันทึก