/
/
/
จะเกิดอะไรขึ้นกับโลกการลงทุนเมื่อธนาคารกลางทั่วโลกดำเนินนโยบายการเงินต่างกัน

จะเกิดอะไรขึ้นกับโลกการลงทุนเมื่อธนาคารกลางทั่วโลกดำเนินนโยบายการเงินต่างกัน

     ช่วงระหว่างวันที่ 14-16 มิถุนายนที่ผ่านมาในช่วงระยะเวลาห่างกันไม่ถึง 72 ชั่วโมง มีการประชุมของธนาคารกลางสำคัญ ๆ ทั่วโลกถึง 4 แห่งด้วยกัน ประกอบไปด้วย สหรัฐฯ ยุโรป ญี่ปุ่น และจีน ซึ่งปรากฎว่าผลลัพธ์ของการประชุมที่ออกมากมีความแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง โดยธนาคารกลางของสหรัฐฯ และ ญี่ปุ่น มีมติคงอัตราดอกเบี้ย , ธนาคารกลางยุโรปมีมติขึ้นดอกเบี้ยต่อ ส่วนธนาคารกลางของประเทศจีนกลับมีมติปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง ซึ่งแน่นอนว่าผลของการดำเนินนโนบายทางการเงินที่ต่างกันของ สหรัฐฯ ยุโรป ญี่ปุ่น และ จีน ย่อมส่งผลกระทบมาถึงโลกของการลงทุนอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

     โดยธนาคารกลางเพียงแห่งเดียวที่มีการปรับขึ้นดอกเบี้ยคือธนาคารกลางยุโรป (ECB) ที่นอกจากจะปรับขึ้นดอกเบี้ยในการประชุมครั้งนี้สู่ระดับ 3.5% แล้ว ยังคงส่งสัญญาณว่าจะยังคงขึ้นดอกเบี้ยในการประชุมครั้งถัดไปในเดือนกรกฎาคมอีก ซึ่งการเหตุผลที่ธนาคารกลางยุโรปยังคงขึ้นดอกเบี้ยต่อเป็นเพราะอัตราเงินเฟ้อยังคงทรงตัวอยู่ในระดับสูงที่ 6.1% และเมื่อเทียบกับธนาคารกลางสหรัฐฯ(Fed) ที่ขึ้นดอกเบี้ยต่อเนื่องติดต่อกัน 10 ครั้งตั้งแต่เดือนมีนาคมปี 2022 ธนาคารกลางยุโรปพึ่งจะปรับขึ้นดอกเบี้ยไป 8 ครั้ง โดยเริ่มขึ้นดอกเบี้ยครั้งแรกเมื่อเดือนกรกฎาคมปี 2022 ห่างจากการขึ้นดอกเบี้ยครั้งแรกของ Fed ราว 4 เดือน ดังนั้นที่จริงแล้วจึงไม่น่าแปลกใจมากนักที่ในวัฏจัรดอกเบี้ยขาขึ้นรอบนี้ Fed จะทำการหยุดขึ้นดอกเบี้ยในการประชุมครั้งล่าสุด ส่วน ECB ยังคงทำการขึ้นดอกเบี้ยต่อ

     ซึ่งหากข้ามมามองทางฝั่งสหรัฐฯ ถึงแม้ Fed จะหยุดขึ้นดอกเบี้ยในการประชุมครั้งนี้ แต่ยังคงส่งสัญญาณว่าจะขึ้นดอกเบี้ยต่ออีก 2 ครั้งในปีนี้ และจะยังไม่มีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยจนกว่าจะถึงปี 2024 โดยที่ผ่านมาดูเหมือนว่าตลาดจะไม่เชื่อว่า Fed จะขึ้นดอกเบี้ยได้ถึง 2 ครั้งและจะเห็นได้ว่าตลาดหุ้นสหรัฐฯ ยังคงปรับตัวเพิ่มขึ้นได้ต่อเนื่องหลังจากผลการประชุม Fed ออกมา โดยตัวเลขเงินเฟ้อของสหรัฐฯที่เป็นปัจจัยกดดันให้ Fed ขึ้นดอกเบี้ย ข้อมูลในเดือนล่าสุดก็ชะลอตัวลงเหลือ 4% และมีความเป็นไปได้ที่การรายงานตัวเลขเงินเฟ้อในครั้งถัดไป เราอาจได้เห็นตัวเลขเงินเฟ้อของสหรัฐฯ ปรับลดลงเหลือระดับราว 3% อย่างไรก็ดีมุมมองของ Fed ยังคงเชื่อว่าอัตราเงินเฟ้อของสหรัฐ ฯ อาจจะมีโอกาสกลับมาเพิ่มสูงขึ้นอีกครั้ง ซึ่งในการประชุมหลังจากนี้ Fed ยืนยันว่าจะตัดสินใจปรับเปลี่ยนนโยบายตามตัวเลขเศรษฐกิจที่ออกมาว่ามีทิศทางเป็นอย่างไร

     ทางฝั่งธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ที่มีการตัดสินใจคงอัตราดอกเบี้ยเช่นเดียวกันกับ Fed แต่แตกต่างกันตรงที่ BOJ คงการดำเนินนโยบายการเงินแบบผ่อนคลาย (ดอกเบี้ยต่ำ) มาอย่างยาวนาน ซึ่งถือเป็นธนาคารกลางของประเทศพัฒนาแล้วประเทศสุดท้ายที่ยังคงดำเนินนโยบายการเงินแบบผ่อนคลายอยู่ แต่คาดว่าในท้ายที่สุดแล้ว BOJ น่าจะต้องกลับมาใช้นโยบายเข้มงวดทางการเงิน เมื่อถึงเวลาที่มั่นใจว่าเศรษฐกิจญี่ปุ่นกลับมาเติบโตได้ ซึ่งน่าจะเป็นระยะเวลาอีกไม่นานนักต่อจากนี้

     สุดท้ายทางด้านประเทศจีนที่เศรษฐกิจฟื้นตัวได้ไม่ดีนักหลังจากการเปิดเมืองก็ไม่มีทางเลือกอื่นคือการตัดสินใจกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยการปรับลดอัตราดอกเบี้ย แต่จะเห็นได้ว่ามุมมองของนักลงทุนส่วนใหญ่มองว่าการปรับลดอัตราดอกเบี้ยอาจจะไม่เพียงพอทำให้เศรษฐกิจจีนฟื้นตัวได้ แต่ยังคงคาดหวังมาตรการอื่น ๆ อีกในการกระตุ้นเศรษฐกิจ

     โดยนโยบายของธนาคารกลางประเทศสำคัญทั้ง 4 แห่งของโลกที่แตกต่างกัน คือภาพสะท้อนวัฏจักรเศรษฐกิจของแต่ละประเทศ และผลตอบแทนของตลาดหุ้นของทั้ง 4 ประเทศก็มีความแตกต่างกัน ซึ่งตลาดหุ้นจีนในปีนี้สร้างผลตอบแทนได้น้อยที่สุดเมื่อเทียบกับตลาดหุ้น สหรัฐฯ ยุโรป และ ญี่ปุ่น

     หลังจากนี้สิ่งที่ตลาดรอคอยคือการที่ธนาคารกลางของสหรัฐฯและยุโรป จะกลับทิศทางของนโยบายมาใช้การผ่อนคลายทางด้านการเงินหรืออย่างน้อยก็ส่งสัญญาณว่าจะหยุดการขึ้นดอกเบี้ยอย่างชัดเจน ซึ่งหากเป็นเช่นนั้นจริงจะถือเป็นปัจจัยบวกสำคัญที่ส่งผลให้ตลาดหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อได้ ในขณะเดียวกันธนาคารกลางของประเทศญี่ปุ่นหากกลับทิศทางของนโยบายมาใช้การเข้มงวดทางด้านการเงินจะถือเป็นความเสี่ยงที่รออยู่ ส่วนจีนเองดูเหมือนตลาดหุ้นอาจจะต้องการมากกว่าแค่การดำเนินนโยบายผ่อนคลายทางด้านการเงิน โดยถึงแม้หลังจากนี้ธนาคารกลางจีนน่าจะยังใช้นโยบายผ่อนคลายทางการเงินไปอีกซักระยะ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะเพียงพอให้ตลาดหุ้นปรับขึ้นได้ แต่สิ่งที่ตลาดต้องการก็คือนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจอื่น ๆ เพิ่มเติมออกมาอีก

 

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ TISCO Contact Center 0 2633 6000 กด 4 , 0 2080 6000 กด 4
ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนการตัดสินใจลงทุน

รายงานฉบับนี้ไม่ถือว่าเป็นคำเสนอหรือคำชี้ชวนให้ซื้อหรือขายหลักทรัพย์ และจัดทำขึ้นเป็นการเฉพาะเพื่อประโยชน์แก่บุคคลที่เกี่ยวข้องกับบริษัทเท่านั้น มิให้นำไปเผยแพร่ทางสื่อมวลชนหรือโดยทางอื่นใด ทิสโก้ไม่ต้องรับผิดต่อความเสียหายใดๆ ที่เกิดขึ้นโดยตรงหรือเป็นผลจากการใช้เนื้อหาหรือรายงานฉบับนี้ การนำไปซึ่งข้อมูล บทความ บทวิเคราะห์ และการคาดหมายทั้งหลายที่ปรากฏอยู่ในรายงานฉบับนี้เป็นการนำไปใช้โดยผู้ใช้ยอมรับความเสี่ยงและเป็นดุลยพินิจของผู้ใช้แต่ผู้เดียว

Scroll to Top
บริการออนไลน์
กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ
กองทุนรวม

เว็บไซต์นี้มีการจัดเก็บคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการใช้งานเว็บไซต์ของท่านให้ดียิ่งขึ้น และนำเสนอโฆษณาที่เกี่ยวข้องและตรงกับความสนใจของท่าน โดยท่านสามารถศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้จาก นโยบายการใช้คุกกี้ กรุณากดยอมรับเพื่อยินยอมให้เราใช้คุกกี้

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้ที่จำเป็น

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้

บันทึก