3 เคล็ดลับลงทุนกองทุน RMF
เมื่อเข้าสู่ช่วงเลือกกองทุนสำหรับลดหย่อยภาษี กองทุนประเภท RMF (Retirement Mutual Fund) หรือกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ ถือเป็นหนึ่งในกองทุนที่สามารถลงทุนเพื่อได้สิทธิประโยชน์ทางภาษี โดยหลายๆท่านอาจกำลังพิจารณาอยู่ว่าควรเลือกลงทุนในกองทุน RMF อย่างไร โดยนอกเหนือนโยบายการลงทุนและความเสี่ยงที่รับได้แล้ว ทาง บลจ. ทิสโก้จะมาเล่าถึงเคล็ดลับในการเลือกลงทุนในกองทุน RMF เพื่อสามารถใช้วางแผนให้บรรลุวัตถุประสงค์ในการลงทุนและเกษียณอย่างมีความสุข
1. กระจายการลงทุนในหลายสินทรัพย์
สำหรับการลงทุนในกองทุน RMF นั้น ผู้ลงทุนสามารถกระจายการลงทุนได้ในหลายสินทรัพย์ ตามระดับความเสี่ยงที่รับได้ เนื่องจากกองทุน RMF มีนโยบายการลงทุนที่หลากหลายในทุกระดับความเสี่ยง ตั้งแต่พันธบัตรรัฐบาลและหุ้นกู้เอกชนที่มีความเสี่ยงระดับปานกลางค่อนข้างต่ำ ไปจนถึงหุ้นที่มีระดับเสี่ยงสูงหรือทองคำที่มีความเสี่ยงสูงมาก ซึ่งผู้ลงทุนสามารถลงทุนกองทุน RMF ได้หลายกองทุนต่อปีภาษี และไม่จำเป็นต้องลงทุนกองทุนเดิม
ทั้งนี้ การกระจายการลงทุนไม่ได้หมายถึงการกระจายซื้อกองทุน RMF ในหลายบลจ. แต่หมายถึงการกระจายเข้าซื้อกองทุน RMF ในหลายสินทรัพย์เพื่อเป็นการกระจายความเสี่ยงและเป็นกลยุทธ์รับมือในยามตลาดผันผวน ซึ่งผู้ลงทุนสามารถเลือกลงทุนเพียงไม่กี่บลจ. แล้วมุ่งเน้นการกระจายความเสี่ยงตามสินทรัพย์ตามกองทุน RMF ของบลจ.นั้นๆ และหากมีการเข้าลงทุนในกองทุนประเภทอื่นๆ อาทิ กองทุน SSF และกองทุนเปิดด้วยแล้ว ควรจะพิจารณาการกระจายการลงทุนในสินทรัพย์จากสัดส่วนการลงทุนรวมทั้งหมดด้วยเช่นกัน เช่น หากมีสัดส่วนลงทุนในหุ้นจีนในกองทุน SSF และกองทุนเปิดทั่วไปในสัดส่วนที่เยอะแล้ว ก็ควรกระจายการลงทุนไปยังภูมิภาคอื่นด้วยในการลงทุนกองทุน RMF
2. ถ้าอายุยังน้อยสามารถเพิ่มความเสี่ยงการลงทุนสำหรับผลตอบแทนคาดหวังที่เพิ่มขึ้น
สำหรับผู้ลงทุนที่ยังมีอายุน้อยสามารถพิจารณาเพิ่มสัดส่วนการลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงสูงอย่างเช่นหุ้น เพื่อเพิ่มโอกาสได้ผลตอบแทนที่คาดหวังขึ้น เนื่องจากการลงทุนกองทุน RMF ถือเป็นการลงทุนระยะยาวจากเงื่อนไขการขายคืนที่กำหนดให้ผู้ลงทุนจะต้องถือหน่วยลงทุนไม่น้อยกว่า 5 ปีนับตั้งแต่วันที่ซื้อวันแรกและเข้าซื้อต่อเนื่องทุกปี (เว้นได้ไม่เกิน 1 ปี) รวมถึงต้องมีอายุครบ 55 ปีบริบูรณ์ถึงจะสามารถขายคืนได้ ซึ่งสำหรับผู้ที่มีอายุยังน้อยจะถือเป็นการบังคับให้ต้องลงทุนระยะยาว จึงมีระยะเวลาการลงทุนที่มากพอที่จะข้ามผ่านความผันผวนของตลาดและสร้างผลตอบแทนที่เติบโตมากกว่าอัตราเงินเฟ้อได้นั้นเอง
3. เพิ่มสัดส่วนการลงทุนไปต่างประเทศเพื่อคว้าโอกาสในการเติบโต
นอกจากนี้ ผู้ลงทุนสามารถเพิ่มสัดส่วนการลงทุนในต่างประเทศเพื่อเพิ่มโอกาสการเติบโตไปกับภูมิภาคอื่นนอกเหนือจากการลงทุนในประเทศ โดยเฉพาะผู้ที่ยังคงถือครองกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF) หรือมีสัดส่วนการลงทุนกองทุนรวมไทยเพื่อความยั่งยืน (Thai ESG) เนื่องจากกองทุนทั้ง 2 ประเภทนี้มีนโยบายการลงทุนเฉพาะสินทรัพย์ในประเทศไทย ซึ่งผู้ลงทุนสามารถกระจายการลงทุนไปยังต่างประเทศได้ผ่านกองทุน RMF ที่มีนโยบายเปิดกว้างให้เลือกลงทุนได้หลากหลายภูมิภาคทั้ง สหรัฐฯ, ยุโรป, ญี่ปุ่น, เวียดนาม หรือจะเลือกกองทุนที่มีนโยบายลงทุนในหุ้นทั่วโลกได้เช่นกัน นอกจากนี้กองทุน RMF ยังมีนโยบายให้ลงทุนกระจายได้ในหลายอุตสาหกรรมในต่างประเทศอย่าง Technology หรือ Healthcare ไปจนถึงกลุ่มธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับปัญญาประดิษฐ์ (AI) อีกด้วย
โดยสรุปแล้ว ผู้ที่ลงทุนในกองทุน RMF สามารถได้รับประโยชน์จากการลงทุนในระยะยาวและเป็นการออมเงินเพื่อการเกษียณนอกเหนือจากสิทธิประโยชน์ทางภาษี ซึ่งผู้ลงทุนสามารถกระจายการลงทุนในกองทุน RMF ได้ในหลายสินทรัพย์, เพิ่มสัดส่วนลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงสำหรับผู้ที่มีอายุน้อย รวมถึงเพิ่มสัดส่วนการลงทุนไปต่างประเทศเพื่อเพิ่มโอกาสในการลงทุน โดยหากเรามีการวางแผนการลงทุนที่เหมาะสมเพื่อให้ได้ผลตอบแทนตามที่คาดหวัง เราก็จะสามารถมีเงินใช้เพียงพอหลังเกษียณและใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุขนั่นเอง
ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไข ผลตอบแทน ความเสี่ยง และศึกษาสิทธิประโยชน์ทางภาษีที่ระบุไว้ในคู่มือการลงทุนของกองทุน RMF ก่อนตัดสินใจลงทุน กรณีไม่ได้ปฏิบัติตามเงื่อนไขทางภาษี จะไม่ได้สิทธิประโยชน์ตามเงื่อนไขของกองทุน