
คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) ของ Fed มีมติให้คงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับ 4.25% – 4.50% โดยให้เหตุผลว่า ต้องการรอดูทิศทางเศรษฐกิจให้ชัดเจนกว่านี้ เนื่องจากความไม่แน่นอนเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจที่เพิ่มขึ้น ประกอบกับยังมีความเสี่ยงเรื่องอัตราการว่างงานและอัตราเงินเฟ้อที่เพิ่มสูงขึ้นอีกด้วย และยังคงยืนยันจะเดินหน้าลดขนาดงบดุลต่อไป ผลการประชุมในครั้งนี้เป็นไปตามที่นักวิเคราะห์และตลาดคาดการณ์ไว้ และถือเป็นการคงอัตราดอกเบี้ย 3 ครั้งติดต่อกัน
Fed ไม่รีบปรับลดดอกเบี้ย รอประเมินผลกระทบจากมาตรการภาษี
คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) ระบุว่า เศรษฐกิจสหรัฐฯ และตลาดแรงงานยังคงแข็งแกร่ง แต่เตือนว่าความไม่แน่นอนด้านแนวโน้มเศรษฐกิจนั้นได้เพิ่มสูงขึ้น จากความเสี่ยงทั้งอัตราการว่างงานและเงินเฟ้อที่จะปรับตัวเพิ่มสูงขึ้น ซึ่งเป็นไปในทิศทางเดียวกับความเห็นของ นาย Jerome Powell ประธาน Fed โดยตัวเลขการจ้างงานนอกภาคการเกษตรในเดือนเม.ย. เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 177,000 ตำแหน่ง ขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ขณะที่อัตราการว่างงานคงที่อยู่ที่ระดับ 4.2% ส่วนตัวเลข GDP สหรัฐฯ ในไตรมาสแรกของปี 2025 นี้ ออกมาหดตัว -0.3% เป็นผลมาจากการนำเข้าสินค้าที่สูงขึ้น เพื่อพยายามที่จะหลีกเลี่ยงภาษีนำเข้าสินค้า
นาย Jerome Powell ระบุว่า “ยังไม่จำเป็นต้องรีบตัดสินใจเรื่องอัตราดอกเบี้ย” โดยให้เหตุผลว่าผลกระทบจากมาตรการภาษีที่มีต่อเงินเฟ้อเป็นการเปลี่ยนแปลงระดับราคาครั้งเดียว แต่ก็อาจเป็นผลกระทบเพียงชั่วคราวหรืออาจรุนแรงต่อเนื่องยาวนานมากกว่าที่คิดไว้ ซึ่งยังต้องรอข้อมูลเพิ่มเติมเพื่อประเมินผลกระทบจากมาตรการที่ประกาศออกมาล่าสุดก่อนตัดสินใจปรับนโยบาย
นอกจากนี้ Fed ยังได้ประกาศเดินหน้าปรับลดงบดุลอย่างต่อเนื่อง โดยจะลดเพดานการถือครองพันธบัตรรัฐบาลรายเดือน เหลือเดือนละไม่เกิน $5 billion จากเดิมที่ $25 billion และตราสารหนี้ที่มีสินเชื่อที่อยู่อาศัยเป็นหลักประกัน (Mortgage-backed securities) เดือนละไม่เกิน $35 billion เพื่อเป็นการลดความเสี่ยงที่อาจกระทบต่อเสถียรภาพทางการเงินในช่วงที่เศรษฐกิจยังเต็มไปด้วยความไม่แน่นอน
ประเด็นด้านแรงกดดันทางการเมืองไม่ได้ส่งผลกระทบต่อการตัดสินใจ
ก่อนหน้านี้ Powell และคณะกรรมการ Fed ถูกกดดันจากปธน. Trump ให้ผ่อนคลายนโยบายการเงินผ่านการปรับลดอัตราดอกเบี้ย แต่ Powell ได้ออกมาแถลงและย้ำอย่างชัดเจนว่า Fed เป็นองค์กรอิสระ และการตัดสินใจเกี่ยวกับนโยบายการเงินนั้นขึ้นอยู่กับข้อมูลเศรษฐกิจเท่านั้น ไม่ใช่แรงกดดันทางการเมือง ทั้งนี้ ล่าสุด Trump ยืนยันว่า ยังไม่คิดปลด Powell ในเร็วๆ นี้ ประเด็นดังกล่าวทำให้เราเชื่อว่านักลงทุนคลายความกังวลต่อเสถียรภาพด้านการเงินในสหรัฐฯ
มุมมองของตลาดต่อการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของ Fed

ก่อนการประชุม Fed ครั้งล่าสุดนี้ ตลาดคาดการณ์ว่า Fed มีแนวโน้มจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 3 ครั้งในปีนี้ (อ้างอิงจาก FedWatch Tool) คือ ครั้งแรกในเดือนมิ.ย. ครั้งที่สองในเดือนก.ค. และครั้งที่สาม ในเดือนธ.ค. แต่หลังจากประชุมครั้งล่าสุดทั้งคณะกรรมการ Fed และนาย Powell ต่างระบุถึงความกังวลเรื่องเศรษฐกิจ เงินเฟ้อ และนโยบายการค้าของปธน. Trump สะท้อนให้เห็นถึงแนวโน้มในการคงดอกเบี้ยในระดับสูงที่นานขึ้น ส่งผลให้ตลาดเลื่อนคาดการณ์การปรับลดดอกเบี้ยออกไปอีก เป็นครั้งแรกในเดือนก.ค. ครั้งที่สอง ในเดือนก.ย. และครั้งที่สาม ในเดือนธ.ค.
จากนี้รอติดตามผลกระทบที่จะเกิดขึ้นจากมาตรการภาษี ซึ่งจะสะท้อนผ่านมายังตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญของสหรัฐฯ โดยเฉพาะตัวเลขเงินเฟ้อ และอัตราการว่างงาน ซึ่งเป็นตัวเลขที่ Fed ให้ความสำคัญ อย่างไรก็ดี การเก็บภาษีตอบโต้ที่ถูดยืดระยะเวลาออกไป 90 วัน และการเจรจาของสหรัฐฯ กับประเทศต่างๆ ทั่วโลก ที่มีแนวโน้มเป็นไปในทิศทางที่ดีอาจส่งผลให้ผลกระทบที่เกิดขึ้นไม่รุนแรงเท่ากับที่เคยคาดการณ์ไว้
ที่มา: Bloomberg, CNBC