![1900x400 131224](https://www.tiscoasset.com/wp-content/uploads/1900x400-131224-1024x216.jpg)
ในสัปดาห์นี้รัฐบาลจีนได้มีการจัด 2 การประชุมสำคัญ เพื่อเป็นการกำหนดแนวทางและเป้าหมาย รวมถึงเตรียมความพร้อมในการพัฒนาเศรษฐกิจสำหรับปีหน้า นั่นก็คือ การประชุมคณะกรรมการถาวรของ Politburo และการประชุมคณะทำงานว่าด้วยเรื่องเศรษฐกิจ (Central Economic Work Conference) ซึ่งทั้ง 2 การประชุมนี้ถือว่าเป็นเหตุการณ์สำคัญที่นักลงทุนต่างจับตากันอย่างใกล้ชิด และคาดหวังว่าทางการจีนจะมีการออกมาตรการใหม่ๆ และแผนในการกระตุ้นเศรษฐกิจจีนเพิ่มเติม ซึ่งผลการประชุมจากทั้ง 2 การประชุมนั้นมีแนวโน้มเป็นอย่างไร และเป็นไปตามที่ตลาดคาดหวังหรือไม่ ผู้อ่านสามารถติดตามได้จากบทความฉบับนี้
จุดยืนด้านนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจจากการประชุม Politburo ไม่เหมือนครั้งอื่นๆ
ภายหลังจากการประชุมคณะกรรมการถาวรของ Politburo ที่จัดขึ้นเมื่อวันที่ 9 ธันวาคมที่ผ่านมา ประธานาธิบดีสี จิ้นผิงได้ออกมาให้คำมั่นเกี่ยวกับการดำเนินนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจที่แตกต่างกับการประชุม Politburo ในครั้งก่อนๆ ซึ่งในครั้งนี้ ถ้อยแถลงเกี่ยวกับนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจมีความชัดเจนมากยิ่งขึ้น รวมถึงยังมีความมั่นใจว่าจีนจะสามารถรับมือกับมาตรการกีดกันทางการค้าจากสหรัฐฯ ในระยะข้างหน้าได้
โดยประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ได้ออกมากล่าวว่ารัฐบาลจีนจะดำเนินนโยบายทางการคลังแบบเชิงรุกมากขึ้น ซึ่งเป็นการเพิ่มความคาดหวังให้กับนักลงทุนหลังจากที่รอคอยนโยบายทางการคลังเพิ่มเติมมาอย่างยาวนาน โดยนักลงทุนนั้นเชื่อว่ารัฐบาลจีนจะขยายเพดานการขาดดุลทางการคลังเพิ่มขึ้นมากกว่า 3% ซึ่งสอดคล้องกับความเห็นจากสำนักข่าว Xinhua ที่ได้คาดการณ์ว่ารัฐบาลจีนนั้นยังมีโอกาสในการขยายกรอบการขาดดุลทางการคลังได้อีกในปีหน้า
ขณะที่ด้านนโยบายทางการเงินนั้น ได้ระบุว่าจะดำเนินนโยบายการเงินแบบ “ผ่อนคลายระดับปานกลาง” ในปี 2025 ซึ่งถือว่าเป็นการส่งสัญญาณปรับเปลี่ยนทิศทางการดำเนินนโยบายทางการเงินครั้งแรกในรอบ 14 ปี จากเดิมที่มีการดำเนินนโยบายทางการเงินอย่างรอบคอบนับตั้งแต่ปี 2011 และคาดว่าอาจนำไปสู่การปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่ปี 2015 โดยนักวิเคราะห์บางสำนักได้มองถึงความเป็นไปได้ของธนาคารกลางจีน (PBoC) ในการปรับลดอัตราดอกเบี้ยมากถึง 0.40%
นอกจากนี้ Politburo ยังได้ระบุถึงมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นการเสริมสร้างเสถียรภาพให้แก่ตลาดอสังหาริมทรัพย์และตลาดหุ้น การปรับตัวเพื่อรับมือกับภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว รวมไปถึงมาตรการกระตุ้นด้านการบริโภคอีกด้วย
แม้ว่าตลาดตอบรับในเชิงบวก แต่นักลงทุนยังคงต้องการแนวทางกระตุ้นเศรษฐกิจชัดเจนมากกว่านี้
แม้ว่าตลาดจะตอบสนองในเชิงบวกหลังการประชุม Politburo โดยดัชนี HSCEI +3.14% และดัชนี CSI 300 +0.73% (หลังรับรู้ผลการประชุมในวันถัดมา) จากความคาดหวังของนักลงทุนที่มีต่อนโยบายที่จะออกมาต่อจากนี้ แต่การประชุม Politburo นั้นถือว่าเป็นเพียงแค่การพูดถึงแนวโน้มในอนาคตของนโยบายในระยะข้างหน้าที่ไม่ได้เปิดเผยข้อมูลต่างๆ ที่สำคัญ ซึ่งยังคงต้องติดตามอีกหนึ่งการประชุมถัดมา นั่นคือ ผลการประชุมคณะทำงานว่าด้วยเรื่องเศรษฐกิจ (Central Economic Work Conference) ที่มีการเจาะจงไปยังเป้าหมาย และแนวทางนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจต่างๆ สำหรับปีหน้า
ซึ่งภายหลังจากการประชุม Central Economic Work Conference ได้จบลงไปในวันที่ 12 ธันวาคม ทางการจีนได้ส่งสัญญาณว่าจะมีการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านการออกพันธบัตรเพื่อเพิ่มการใช้จ่ายภาครัฐ และเพิ่มเป้าหมายการขาดดุลงบประมาณมากขึ้นในปี 2025 โดยจะเน้นไปที่นโยบายต่างๆ เพื่อกระตุ้นการบริโภค และเพื่อแก้ไขจุดอ่อนของเศรษฐกิจจีนในขณะนี้ รวมไปถึงนโยบายเสริมสร้างระบบสวัสดิการสังคมให้มากขึ้น อาทิ การสนับสนุนด้านการดูแลสุขภาพและเงินบำนาญ เป็นต้น
อย่างไรก็ดี หากพิจารณาทั้ง 2 ผลการประชุมแล้วจะเห็นได้ว่ายังคงขาดความชัดเจนและยังดูมีความไม่แน่นอนทั้งในด้านของกรอบเป้าหมาย และแนวทางการใช้นโยบายต่างๆ ซึ่งนักวิเคราะห์บางสำนักมองว่า แม้ว่าบรรยากาศของการประชุมจะมีท่าทีสนับสนุนการเติบโตของเศรษฐกิจและพร้อมจะออกมาตรการกระตุ้นเพิ่มเติมแต่ก็ยังขาดรายละเอียดที่เป็นรูปธรรมเกี่ยวกับนโยบาย
จะเห็นได้ว่า นักลงทุนยังคงเฝ้ารอและคาดหวังให้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของจีนจะมีประสิทธิภาพและมีความชัดเจนมากขึ้น เพื่อแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจที่ซบเซามานานไม่ว่าจะเป็น ภาคการบริโภค ภาคอสังหาริมทรัพย์ ไปจนถึงภาคตลาดการเงินให้กลับมาฟื้นตัวได้ โดยหากทางการจีนยังไม่สามารถออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจได้อย่างตรงจุด ไม่เพียงแต่จีนจะเผชิญปัญหาเรื้อรังภายในประเทศแล้ว แต่ยังอาจทำให้จีนรับมือกับมาตรการภาษีนำเข้าจากนโยบายของนาย Donald Trump ได้ยากลำบากยิ่งขึ้นอีกด้วย
Source : Bloomberg, CNBC