ช่วงนี้ตลาดกำลังหันกลับมาจับตา “กลุ่มเทคจีน” อีกครั้ง โดยผลการดำเนินงานล่าสุดของ Tencent, JD.com และ BiliBili ช่วยให้เราเห็นภาพชัดขึ้นว่าบริษัทใหญ่เหล่านี้กำลังเดินหน้าอย่างไร ทั้งด้านรายได้ กำไร และทิศทางธุรกิจใหม่ๆ บทความนี้จะพาไปดูว่าแต่ละบริษัททำผลงานได้ดีแค่ไหน จุดแข็งอยู่ตรงไหน และมีความท้าทายอะไรที่ต้องจับตา เพื่อช่วยให้นักลงทุนมองแนวโน้มของกลุ่มเทคจีนได้เข้าใจง่ายขึ้น และเห็นว่าบริษัทไหนกำลังเติบโตอย่างมั่นคงในระยะยาว
รายได้ Tencent โต 15% YoY แม้ว่าบริษัทไม่ได้ลงทุนด้วยเม็ดเงินจำนวนมหาศาล
Tencent รายงานรายได้ไตรมาส 3 เพิ่มขึ้น 15% YoY สู่ ¥192.9 billion (ประมาณ $27.2 billion) สูงกว่าคาดการณ์ของตลาดที่ ¥188.8 billion ขณะที่กำไรสุทธิอยู่ที่ ¥63.1 billion สูงกว่าคาดการณ์ของตลาดที่ระดับ ¥57.3 billion โดยการดำเนินธุรกิจของ Tencent เลือกกลยุทธ์ลงทุนและพัฒนาเทคโนโลยี AI แบบระมัดระวังโดยเน้นผสานเทคโนโลยีเข้ากับธุรกิจหลักที่มีอัตรากำไรสูง เช่น โซเชียลมีเดีย WeChat เป็นต้น ขณะที่ธุรกิจเกมของ Tencent ประสบความสำเร็จเป็นอย่างมากโดยเฉพาะเกมแนว First-Person Shooter (FPS) อย่าง Delta Force ที่ได้เปิดตัวเมื่อปลายปีที่แล้วซึ่งปัจจุบันมีผู้เล่นรายวันสูงถึง 30 ล้านคน นอกจากนี้ ธุรกิจค่ายเกมในต่างประเทศ Tencent ได้เปิดตัวเกมแนว Survival อย่าง Dying Light: The Beast ก็ได้รับเสียงตอบรับที่น่าประทับใจด้วยเช่นกัน
โดยถึงแม้ว่าบริษัทไม่ได้มีการลงทุนในเทคโนโลยี AI ด้วยเม็ดเงินจำนวนมหาศาลเหมือนบริษัทเทคโนโลยีจีนขนาดใหญ่รายอื่นๆ แต่ในระยะข้างหน้า Tencent จะยกระดับทีมงานและสถาปัตยกรรมของโมเดล AI HunYuan ที่มีความสามารถด้านการสร้างภาพสามมิติซึ่งกำลังเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมอยู่ นอกจากนี้ บริษัทเองก็จะลงทุนเพื่อเพิ่มให้ AI Yuanbao มีการใช้งานที่เพิ่มขึ้นรวมไปถึงพัฒนาความสามารถด้าน Agentic AI ภายใน WeChat เพื่อดึงดูดผู้ใช้งานยิ่งขึ้น
นอกจากนี้ นักวิเคราะห์คาดว่า Tencent กำลังเดินหน้ารักษาการเติบโตของกำไรในระดับสูงต่อเนื่อง หนุนโดยการใช้ AI เพื่อยกระดับการออกแบบกราฟฟิกในวีดิโอเกม และธุรกิจโฆษณาโดย Tencent มีโอกาสสร้างกระแสเงินสดอิสระเฉลี่ยโต 10–15% ต่อปีถึงปี 2028 ภายใต้สภาพแวดล้อมกฎระเบียบจากภาครัฐที่มั่นคงมีเสถียรภาพมากขึ้นและการควบคุมต้นทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ
รายได้ JD.com ดีกว่าคาด แต่กำไรหดท่ามกลางสมรภูมิ Food Delivery ที่ดุเดือด
JD.com E-commerce ชื่อดังรายงานรายได้ไตรมาส 3 เพิ่มขึ้น 15% YoY สู่ระดับ ¥299.06 billion (หรือราว $42.1 billion) สูงกว่าคาดการณ์ตลาดที่ ¥294.45 billion หนุนจากมาตรการช่วยเหลือผู้บริโภคของภาครัฐและธุรกิจใหม่อย่างบริการ Food Delivery และธุรกิจส่งของภายในวันโดยยอดขายค้าปลีกซึ่งคิดเป็นสัดส่วนใหญ่ของรายได้บริษัท เพิ่มขึ้น 11% ขณะที่รายได้จากธุรกิจโลจิสติกส์เพิ่มขึ้น 24% นอกจากนี้ ยอดขายในช่วงแคมเปญวันคนโสด (Singles Day) บนแพลตฟอร์มของบริษัททำสถิติใหม่ไปเมื่อวันพุธที่ผ่านมา โดยจำนวนลูกค้าเพิ่มขึ้น 40% YoY และปริมาณคำสั่งซื้อพุ่งเกือบ 60% YoY เมื่อเทียบกับปีก่อน
แม้ว่าธุรกิจใหม่ของ JD.com จะได้รับความนิยมที่เพิ่มขึ้นและสามารถแย่งส่วนแบ่งในตลาดจากผู้เล่นหลักเดิม 2 รายอย่างเช่น Meituan และ Alibaba ได้ แต่กำไรสุทธิของบริษัทกลับลดลงถึง 55% YoY เหลือเพียง ¥5.8 billion เท่านั้นจากการแข่งขันรุนแรงซึ่งนำมาสู่สงครามราคาจากการจัดโปรโมชั่นลดราคาเพื่อพยายามแย่งชิงส่วนแบ่งตลาด ซึ่งได้ก่อให้เกิดความกังวลเกี่ยวกับอัตรากำไรที่ลดลงและความสามารถในการทำกำไรในระยะสั้น
ขณะเดียวกัน JD เร่งขยายธุรกิจสู่ตลาดโลกโดยบริษัทได้เข้ามาเป็นผู้ถือหุ้นมีส่วนร่วมในการบริหารงาน (Strategic Shareholder) ใน Ceconomy AG ผู้ค้าอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่ใช้ในบ้านรายใหญ่ที่สุดในยุโรป เพื่อความสามารถในการเข้าถึงตลาดยุโรปได้อย่างรวดเร็ว อย่างไรก็ดี การขยายธุรกิจในบางประเทศก็ยังเผชิญความลำบาก เมื่อการเจรจาซื้อกิจการ Argos จาก Sainsbury ซุปเปอร์มาร์เก็ตชื่อดังของอังกฤษล้มเหลว
ผลการดำเนินงาน BiliBili ไตรมาสที่ผ่านมาดีกว่าคาด จากคอนเทนต์คุณภาพและประสิทธิภาพในการควบคุมต้นทุน
BiliBili บริษัท Streaming สัญชาติจีนรายงานผลการดำเนินงานไตรมาส 3 ที่เหนือความคาดหมาย โดยมีรายได้รวม ¥7.69 billion ($1.08 billion) สูงกว่ารายได้ที่ตลาดคาดเอาไว้ระดับ ¥7.66 billion โดยรายได้จากโฆษณาเพิ่มขึ้น 23% แตะ ¥2.57 billion ขณะที่ผู้ใช้งานเฉลี่ยต่อวันเพิ่มขึ้น 9% เป็น 117.3 ล้านราย และผู้ใช้ที่ชำระเงินเพิ่มขึ้น 17% เป็น 35 ล้านราย สะท้อนการเติบโตของแพลตฟอร์มและการมีส่วนร่วมของผู้ใช้ที่แข็งแกร่ง ขณะที่กำไรสุทธิอยู่ที่ระดับ ¥786.3 million ($110.5 million) สะท้อนให้เห็นถึงการบริหารต้นทุนอย่างมีวินัย
Rui Chen CEO ของ BiliBili เผยว่าการเติบโตของ BiliBili ได้แรงหนุนจากการเข้าถึงผู้ชมได้อย่างมีประสิทธิภาพด้วยการนำเสนอคอนเทนต์คุณภาพสูงและการรักษาประสบการณ์การใช้งานของผู้ใช้ที่โดดเด่นมาโดยตลอดส่งผลให้ธุรกิจหลักสร้างรายได้เพิ่มขึ้น
นอกจากนี้ Morgan Stanley ยังได้ออกมาปรับราคาเป้าหมายหุ้น BiliBili ขึ้นเป็น $25 จากเดิมที่ระดับ $23 พร้อมคงคำแนะนำ “คงน้ำหนักการลงทุน” โดยชี้ว่ากำไรไตรมาสล่าสุดที่ออกมาดีกว่าคาดและธุรกิจโฆษณามีโมเมนตัมที่ดีขึ้น รวมกระแสตอบรับจากเกม Duckov ที่ดีเป็นปัจจัยหลักที่ทำให้สถาบันการเงินชั้นนำของสหรัฐฯ ปรับราคาเป้าหมายขึ้นมา
ภาพรวมผลการดำเนินงานของ Tencent, JD.com และ BiliBili ในไตรมาสล่าสุดสะท้อนให้เห็นว่าอุตสาหกรรมเทคโนโลยีจีนกำลังก้าวเข้าสู่ช่วงเวลาที่ต้อง “เติบโตอย่างมีวินัย” มากขึ้นกว่าเดิม โดย Tencent โชว์ศักยภาพของธุรกิจหลักที่แข็งแกร่งและการใช้ AI เพื่อต่อยอดจุดแข็งของตัวเอง ด้าน JD.com ตอกย้ำความสามารถในการขยายฐานลูกค้าท่ามกลางการแข่งขันที่ดุเดือดในธุรกิจ Food Delivery ขณะที่ BiliBili เดินหน้าอย่างมั่นคงด้วยเนื้อหาคุณภาพและวินัยด้านต้นทุน
แม้เส้นทางข้างหน้าจะยังเต็มไปด้วยการแข่งขันที่รุนแรงและการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีที่รวดเร็ว แต่ทั้งสามบริษัทก็แสดงให้เห็นถึงความสามารถในการปรับตัว สร้างนวัตกรรม และรักษาฐานผู้บริโภคไว้ได้อย่างแข็งแกร่ง สำหรับนักลงทุนแล้ว นี่คือสัญญาณสำคัญที่บ่งชี้ว่ากลุ่มเทคจีนยังมีศักยภาพอีกมากในการสร้างการเติบโตระยะยาวภายใต้โครงสร้างเศรษฐกิจใหม่ของจีน
ที่มา: Bloomberg, Company Data