ตลาดหุ้นจีนในปีนี้ถึงแม้จะมีผลตอบแทนกลับมาเป็นบวก แต่ยังถือว่าสร้างผลตอบแทนได้ต่ำกว่าหุ้นสหรัฐฯ และตลาดหุ้นในอีกหลายประเทศ นอกจากนี้ตลาดหุ้นจีนยังคงมีความผันผวนสูง โดยตลาดมักจะฟื้นตัวได้ในช่วงสั้น ๆ หากว่านักลงทุนมีความหวังว่าทางการจีนจะออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมออกมา แต่การฟื้นตัวก็มักจะมีการปรับขึ้นอย่างจำกัด โดยสิ่งที่น่าจะทำให้การฟื้นตัวของตลาดหุ้นจีนเป็นไปได้อย่างยั่งยืนก็คือผลการดำเนินงานของบริษัทจดทะเบียนที่กลับมาเติบโตได้ดี ซึ่งในสัปดาห์นี้มี 3 บริษัทเทคโนโลยีขนาดใหญ่ของจีนประกาศผลการดำเนินงานออกมา ทั้ง Tencent JD.com และ Alibaba โดยเราจะมาสำรวจงบของทั้ง 3 บริษัท ซึ่งเป็นสัญญาณที่จะสามารถบ่งชี้ได้เป็นอย่างดีว่า หลังจากนี้เศรษฐกิจจีนและตลาดหุ้นจีน จะมีโอกาสกลับมาฟื้นตัวได้อย่างยั่งยืนหรือไม่
Tencent – กำไรเติบโต 82% หนุนโดยธุรกิจเกมทั้งในประเทศ และต่างประเทศ
Tencent รายงานผลการดำเนินงานไตรมาสล่าสุด โดยมีรายได้เพิ่มขึ้น 8% YoY อยู่ที่ ¥161.1 billion หนุนโดยธุรกิจเกมในประเทศ ขณะที่กำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 82% YoY อยู่ที่ ¥47.6 billion
โดยผลการดำเนินงานที่กลับมาเติบโต หนุนจากธุรกิจเกม ซึ่งบริษัทประสบความสำเร็จในการเปิดตัวเกมใหม่อย่าง Dungeon & Fighter Mobile (DnF Mobile) ส่งผลให้รายได้ธุรกิจเกมในจีนในไตรมาสนี้อยู่ที่ ¥34.6 billion เติบโต 9% YoY นอกจากนี้ นักวิเคราะห์คาดว่า Tencent จะสามารถคงความนิยมและได้รับประโยชน์จากเกม DnF Mobile ได้อีกระยะหนึ่งดังเช่นที่เคยได้รับจาก Honor of Kings ขณะที่รายได้ธุรกิจเกมในตลาดต่างประเทศอยู่ที่ ¥13.9 billion ขยายตัว 9% YoY หนุนโดยเกม PUBG Mobile และ เกมจากค่าย Supercell ซึ่ง Tencent เป็นผู้ถือหุ้นหลัก
สำหรับธุรกิจอื่นๆ Application WeChat หรือ Weixin ได้รับประโยชน์จากการแก้ไขระบบ AI อัลกอริทึมของ Application ให้สามารถเข้าถึงผู้ใช้งานได้หลากหลายได้มากขึ้น ส่งผลให้ผู้ใช้งานรายเดือน (MAU) เพิ่มขึ้น +3% อยู่ที่ 1.371 พันล้านราย และทำให้รายได้จากธุรกิจโฆษณาใน WeChat เติบโต +19% YoY อยู่ที่ ¥29.9 billion ขณะที่รายได้ธุรกิจ Fintech และบริการซึ่งรวมธุรกิจ Cloud Computing และ WeChat Pay Mobile Payment อยู่ที่ ¥50.4 billion เพิ่มขึ้นที่ +4% YoY
JD.com – กำไรออกมาเติบโตแข็งแกร่งจากธุรกิจ E-Commerce
สำหรับผลการดำเนินงานของ JD.com ในไตรมาสนี้ มีพัฒนาการที่ดีขึ้นโดยรายได้อยู่ที่ ¥291.4 billion เพิ่มขึ้น +1.2% YoY และสูงกว่าคาดที่ ¥290.5 billion ด้านกำไรสุทธิอยู่ที่ ¥8.19 เพิ่มขึ้น +97.3% YoY
รายได้จากธุรกิจ E-Commerce อย่าง JD Retail ซึ่งเป็นรายได้หลักของบริษัทยังคงเพิ่มขึ้น +1.5% YoY โดยได้รับปัจจัยหนุนจากยอดคำสั่งซื้อสินค้าสินค้าอิเล็กทรอนิกส์และเครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้านที่ยังคงเติบโตอย่างแข็งแกร่ง ซึ่งในช่วงที่ผ่านมาบริษัทได้ร่วมมือกับพันธมิตรผู้ผลิตอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ชั้นนำอย่างเช่น Xiaomi, Lenovo และ OPPO ในการตั้งเป้าหมายการเพิ่มยอดขายบน JD Retail ในระยะเวลา 3 ปี และตีตลาดใหม่ๆ รวมถึงได้ทาบทามแบรนด์เสื้อผ้าระดับ high-end ระดับโลกเข้ามาขายบนแพลตฟอร์มของบริษัท อย่างเช่น Moncler, Alexander Wang และ Massimo Dutti อีกด้วย
ด้านรายได้ธุรกิจ JD Logistics เพิ่มขึ้น +7.7% YoY ซึ่งได้รับปัจจัยหนุนจากยอดผู้ใช้งานที่เพิ่มขึ้น หลังบริษัทได้มีการนำ AI เข้ามาปรับปรุงให้ระบบการจัดส่งมีประสิทธิภาพดีขึ้นทั้งในมุมการขนส่งที่รวดเร็วและการลดต้นทุน
ภายหลังจากการประกอบผลการดำเนินงานไตรมาสที่ผ่านมา Sandy Xu CEO คนปัจจุบัน ได้ออกมากล่าวว่าบริษัทจะยังคงเดินหน้าทำสัญญาเชิงกลยุทธ์กับแบรนด์ชั้นนำต่างๆ เพื่อส่งมอบสินค้าที่มีราคาย่อมเยาว์โดยไม่ได้ลดทอนคุณภาพของสินค้าให้กับลูกค้าแต่อย่างใด รวมทั้งจะนำ AI มาใช้งานมากขึ้นพัฒนาเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของบริษัทในด้านการจัดการห่วงโซ่อุปทาน การปรับปรุงประสบการณ์ผู้ใช้งาน และการควบคุมต้นทุนของบริษัท
Alibaba – รายงานผลการดำเนินงานต่ำกว่าคาด แม้กำไรจากธุรกิจ Cloud ยังเติบโต
Alibaba รายงานผลการดำเนินงานไตรมาสล่าสุด แม้ว่ารายได้เพิ่มขึ้น 4% YoY อยู่ที่ ¥243.2 billion แต่กำไรลดลง 24% YoY อยู่ที่ ¥24.3 billion จากค่าใช้จ่ายในการออกโปรโมชั่นเพิ่มขึ้น รวมถึงการบันทึกผลขาดทุนจากสินทรัพย์ที่ลงทุนอย่างต่อเนื่องมาถึงไตรมาสล่าสุด
โดยผลการดำเนินงาน Alibaba ในไตรมาสนี้ ธุรกิจ E-commerce ในประเทศอย่าง Taobao และ Tmall หดตัวลง 1% YoY อยู่ที่ระดับ ¥113.37 billion แม้ยอดขายสินค้าออนไลน์รวมในแพลตฟอร์ม (GMV) จะเพิ่มขึ้นระดับ Double-digit ซึ่งธุรกิจดังกล่าวยังไม่สามารถแย่งส่วนแบ่งจากคู่แข่งในประเทศอย่างเช่น JD.com หรือ Pinduoduo ได้ ขณะที่รายได้จากแพลตฟอร์ม E-commerce ในต่างประเทศอย่าง Lazada และ AliExpress ยังสามารถเติบโตได้ดีโดยมีรายได้เพิ่มขึ้น +32% YoY
อย่างไรก็ดี รายได้จากธุรกิจ Alibaba Cloud อยู่ที่ ¥26.5 billion เพิ่มขึ้น +6% YoY ซึ่งเป็นอัตราการเติบโตที่สูงที่สุดตั้งแต่เดือนมิ.ย. 2022 ด้าน Adjusted EBITA ขยายตัว +155% YoY โดยทาง Alibaba ยังคงมีความเชื่อมั่นในธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับ AI ที่บริษัทกำลังเร่งลงทุนอยู่ และมีมุมมองเชิงบวกว่าธุรกิจดังกล่าวจะยังเติบโตระดับ Triple-digit ต่อปี นอกจากนี้ แพลตฟอร์ม AI บน Alibaba Cloud ยังได้รับการตอบรับในทิศทางที่ดีจากผู้ใช้งาน ส่งผลให้ยอดผู้ใช้งานเพิ่มขึ้นเกินกว่า 2 เท่าจากไตรมาสที่แล้ว
จากภาพรวมของผลการดำเนินงานของทั้ง 3 บริษัท มีเพียงแค่ธุรกิจเกมของ Tencent เท่านั้นที่กลับมาเติบโตได้อย่างโดดเด่น โดยธุรกิจ E-Commerce ของทั้ง JD.com และ Alibaba ซึ่งเป็นเหมือนหนึ่งในกระจกสะท้อนสภาวะการเติบโตของเศรษฐกิจจีนนั้นยังไม่สามารถฟื้นตัวกลับมาได้อย่างเต็มที่
ดังนั้นการฟื้นตัวของหุ้นจีนหลังจากนี้ ยังคงต้องรอเวลาให้มาตรการต่าง ๆ ที่ทางการจีนออกมาแล้วส่งผลต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีน และส่งผลดีต่อเนื่องมายังผลการดำเนินของบริษัทจดทะเบียน นอกจากนี้จากตัวเลขเศรษฐกิจและผลการดำเนินงานของหลายบริษัทที่ออกมาอาจเป็นสัญญาณที่บอกรัฐบาลจีนว่าการกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงที่ผ่านมาอาจยังไม่ได้ผลมากนัก และจำเป็นที่จะต้องมีมาตรการกระตุ้นในด้านต่าง ๆ ออกมาเพิ่มเติมอีก
ที่มา: CNBC, Bloomberg, Company Website
