
ทิศทางของเทคโนโลยีแห่งอนาคตอย่าง AI และภูมิทัศน์ของวงการบันเทิงดิจิทัล กำลังเป็นที่จับตามองอย่างใกล้ชิดและล่าสุดทั้งสามบริษัทที่เป็นดั่งมาตรวัดสำคัญของอุตสาหกรรมเหล่านี้ ได้แก่ ASML, TSMC และ Netflix ก็ได้เปิดเผยผลประกอบการไตรมาสล่าสุดออกมาแล้ว
โดยทั้ง ASML และ TSMC คือผู้เล่นคนสำคัญในห่วงโซ่อุปทานชิปขั้นสูงซึ่งเป็นหัวใจของเทคโนโลยี AI ที่กำลังร้อนแรง ขณะที่ Netflix คือผู้นำในตลาดสตรีมมิ่งและความบันเทิงระดับโลก ผลประกอบการของทั้งสามจึงเปรียบเสมือนภาพสะท้อนสุขภาพของเศรษฐกิจดิจิทัลและแนวโน้มการเติบโตในอนาคต
ASML: งบปัจจุบันแข็งแกร่ง แต่ภาพอนาคตยังเต็มไปด้วยความท้าทาย
ASML ผู้ครองตลาดเครื่องจักรผลิตชิปแต่เพียงผู้เดียว รายงานผลประกอบการไตรมาส 2 ที่แข็งแกร่งกว่าที่คาดการณ์ไว้
- รายได้: €7.7 billion สูงกว่าคาดการณ์ที่ €7.52 billion เติบโต +23%
- กำไรสุทธิ: €2.29 billion สูงกว่าคาดการณ์ที่ €2.04 billion
- ยอดจองเครื่องจักรสุทธิ (Net Bookings): €5.5 billion ซึ่งสูงกว่าที่ตลาดคาดการณ์ที่ €4.19 billion อย่างมีนัยสำคัญ
แม้ตัวเลขในไตรมาสนี้จะน่าประทับใจ แต่บริษัทกลับส่งสัญญาณระมัดระวังต่ออนาคต Christophe Fouquet CEO ของ ASML ยอมรับว่าแม้ความต้องการชิป AI จะยังคงแข็งแกร่งไปจนถึงปี 2026 แต่ความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจมหภาคและปัญหาภูมิรัฐศาสตร์ที่เพิ่มสูงขึ้นกำลังบดบังแนวโน้มการเติบโตในระยะสั้น
นอกจากนี้ Roger Dassen CFO ของบริษัท ยังชี้แจงว่ามาตรการภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ จะส่งผลกระทบต่ออัตรากำไรขั้นต้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ส่งผลให้บริษัทปรับลดคาดการณ์รายได้ในไตรมาส 3 ลงเหลือ €7.4 – €7.9 billion ซึ่งต่ำกว่าที่ตลาดคาดไว้ที่ €8.3 billion และปรับลดคาดการณ์การเติบโตของรายได้ทั้งปีลงมาอยู่ที่ประมาณ 15%
TSMC: กำไรทุบสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ขานรับอานิสงส์จากกระแส AI
TSMC โรงงานผลิตชิปรายใหญ่ที่สุดของโลก โชว์ผลประกอบการไตรมาส 2 ที่น่าประทับใจและเติบโตอย่างก้าวกระโดด
- รายได้: NT$933.80 billion สูงกว่าคาดการณ์ที่ NT$931.24 billion เติบโตถึง +39% YoY
- กำไรสุทธิ: NT$398.27 billion สูงกว่าคาดการณ์ที่ NT$377.86 billion พุ่งขึ้น +61% YoY และยังคงสร้างสถิติทำกำไรสูงกว่าคาดการณ์ของตลาดมาตั้งแต่ปี 2021
แรงขับเคลื่อนสำคัญมาจากธุรกิจระบบคอมพิวเตอร์สมรรถนะสูง (HPC) ซึ่งได้รับอานิสงส์เต็มที่จากความต้องการชิปสำหรับ AI และ Data Center ทำให้รายได้ในกลุ่มนี้เติบโตสูงถึง +52% YoY นอกจากนี้ รายได้จากชิปเทคโนโลยีขั้นสูงอย่าง 3 นาโนเมตร และ 5 นาโนเมตร ก็ยังเติบโตอย่างโดดเด่นเช่นกัน
ด้วยความเชื่อมั่นในศักยภาพในการเติบโตของกิจการ ทำให้ C.C. Wei CEO ของ TSMC ได้สร้างความประหลาดใจให้กับตลาดด้วยการปรับเพิ่มคาดการณ์การเติบโตของรายได้ตลอดทั้งปีขึ้นเป็น 30% จากเดิมที่คาดไว้ที่ 20% ซึ่งสะท้อนถึงความเชื่อมั่นอย่างสูงต่อแนวโน้มอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์
Netflix: ผลงานดีกว่าคาด พร้อมเดินหน้าสร้างการเติบโตท่ามกลางการแข่งขัน
Netflix รายงานผลประกอบการไตรมาส 2 ที่ดีกว่าคาดการณ์ สะท้อนความสำเร็จในการสร้างรายได้จากหลากหลายช่องทาง
- รายได้: $11.08 billion (สูงกว่าคาดการณ์ที่ $11.07 billion) เติบโต +16% YoY
- กำไรต่อหุ้น (EPS): $7.19 (สูงกว่าคาดการณ์ที่ $7.08)
การเติบโตนี้เป็นผลมาจากการเพิ่มขึ้นของจำนวนสมาชิกใหม่และรายได้จากโฆษณาที่แข็งแกร่งขึ้น อย่างไรก็ตาม บริษัทคาดการณ์ว่าอัตรากำไรจากการดำเนินงานจะลดลงในช่วงครึ่งหลังของปี เนื่องจากต้นทุนการผลิตคอนเทนต์และค่าการตลาดที่สูงขึ้น โดยในช่วงที่เหลือของปี Netflix เตรียมเปิดตัวซีรีส์ฟอร์มยักษ์อย่าง Stranger Things และ Wednesday ซีซั่นใหม่ รวมถึงภาพยนตร์ Happy Gilmore 2
ทั้งนี้ Netflix ได้ปรับเพิ่มคาดการณ์รายได้ตลอดทั้งปีขึ้นเป็น $44.8 – $45.2 billion แม้จะต้องเผชิญกับการแข่งขันที่รุนแรงในธุรกิจสตรีมมิ่ง และการเติบโตของผู้ใช้ในสหรัฐฯ ที่เริ่มชะลอตัวลงแต่บริษัทยังคงเดินหน้าดึงดูดลูกค้าใหม่ด้วยแพ็กเกจราคาประหยัดพ่วงโฆษณาในหลายประเทศทั่วโลก
ผลประกอบการของทั้งสามบริษัทเทคโนโลยีชั้นนำนี้ออกมาดีกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ในภาพรวม โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ASML และ TSMC ที่ส่งสัญญาณบวกอย่างชัดเจนไปยังอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์และ AI ด้วยความต้องการชิปขั้นสูงที่ยังคงแข็งแกร่งนี้อาจเป็นปัจจัยหนุนให้ผลประกอบการของหุ้นเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ในกลุ่ม Magnificent 7 ที่จะประกาศตามออกมา มีทิศทางที่ดีเช่นกัน แม้จะยังมีความกังวลเรื่องผลกระทบจากมาตรการภาษีอยู่ก็ตาม
ในขณะเดียวกัน ผลการดำเนินงานของ Netflix ได้พิสูจน์ให้เห็นถึงความแข็งแกร่งของโมเดลธุรกิจที่มุ่งเน้นการสร้างรายได้ที่หลากหลายและการลงทุนในคอนเทนต์คุณภาพ เพื่อรักษาฐานลูกค้าและเติบโตต่อไปได้ท่ามกลางสมรภูมิการแข่งขันที่ดุเดือด
โดยรวมแล้ว การเริ่มต้นฤดูกาลประกาศงบของกลุ่มเทคโนโลยีครั้งนี้ได้สร้างบรรยากาศเชิงบวกและตั้งมาตรฐานที่สูงไว้สำหรับบริษัทอื่นๆ ที่กำลังจะรายงานผลประกอบการตามมาในเร็วๆ นี้
ที่มา: Bloomberg, CNBC, Company Data