/
/
/
/
Trump 2.0 มาแน่ สินทรัพย์ไหนได้ประโยชน์

Trump 2.0 มาแน่ สินทรัพย์ไหนได้ประโยชน์

จากโพลการสำรวจคะแนนความนิยมของผู้ลงสมัครการเลือกตั้งปธน. สหรัฐฯ 2024 แนวโน้มคะแนนนิยมของอดีต ปธน. Donald Trump ค่อยๆ เพิ่มขึ้นและทิ้งนำห่าง ปธน. Joe Biden หลังจากที่มีการ Debate ครั้งแรกระหว่างทั้งสองฝ่ายในช่วงปลายเดือนมิ.ย. ซึ่งจัดโดยสถานีโทรทัศน์ CNN ในการ Debate ครั้งนั้น Trump ได้แสดงถึงความพร้อมและความมั่นใจ ขณะที่ Biden แสดงให้เห็นถึงการตอบสนองที่เชื่องช้าซึ่งอาจเป็นผลกระทบจากสุขภาพที่ไม่ดีนัก อีกทั้งการรอดจากเหตุการณ์ลอบสังหาร ของTrump ระหว่างขึ้นเวทีหาเสียงที่ รัฐ Pennsylvania ก็ยิ่งส่งผลให้คะแนนความนิยม Trump ยิ่งเพิ่มมากขึ้นไปกว่าเดิมอีก

ด้วยผลคะแนนความนิยมล่าสุด สะท้อนให้เห็นว่า Trump มีโอกาสสูงที่จะชนะการเลือกตั้ง ทำให้นักวิเคราะห์เริ่มประเมินว่าหาก Trump ชนะจริง จะส่งผลกระทบอย่างไรต่อสินทรัพย์ทางการเงินบ้าง? โดยเราได้สรุปแนวโน้มผลกระทบที่คาดว่าจะเกิดขึ้นต่อแต่ละสินทรัพย์ทางการเงินในกรณีที่ Trump ชนะ ซึ่งมีรายละเอียดสำคัญดังนี้

  1. ตราสารทุน (Equity)

การที่ Trump จะทำการลดภาษีนิติบุคคลจะส่งผลดีให้กับหลายบริษัทในภาพรวม ซึ่งจะช่วยให้บริษัทสามารถทำกำไรจากการประกอบธุรกิจได้มากขึ้น และจะมีบางกลุ่มที่ได้ประโยชน์โดยตรงจากการดำเนินนโยบายของ Trump ซึ่งกลุ่มที่คาดว่าได้ประโยชน์หาก Trump ชนะการเลือกตั้งในครั้งนี้ได้แก่

  • Banking and Financial– การลดข้อบังคับทางการเงิน : ในช่วงสมัย Trump ได้มีการยกเลิกกฎหมายบางส่วนของกฎหมาย Dodd- Frank ซึ่งจะเป็นการช่วยให้สถาบันการเงินสามารถกลับมาทำรายได้และกำไรได้เพิ่มขึ้น เช่น ยกเลิกกฎจำกัดค่าธรรมเนียมที่ธนาคารสามารถเรียกเก็บจากบัตรเครดิต และยกเลิกกฎในการไม่ให้สถาบันการเงินทำธุรกรรมเชิงเก็งกำไรบางประเภทเช่น การทำ Proprietary Trading การลงทุนในกองทุน Hedge Fund หรือ Private Equity เป็นต้น
  • Energy เพิ่มการผลิตเชื้อเพลิงฟอสซิล : Trump แสดงจุดยืนอย่างชัดเจนในการสนับสนุนพลังงานแบบดั้งเดิมมาตั้งแต่ในสมัยที่ดำรงตำแหน่งปธน. อย่างเช่น การลดข้อกำหนดในการลดการปล่อยก๊าซมีเทนจาการผลิตน้ำมันและก๊าซ การสนับสนุนการเปิดพื้นที่ใหม่สำหรับการขุดเจาะน้ำมันและก๊าซธรรมชาติ รวมถึงการลดภาษีและยังให้เงินอุดหนุนบริษัทพลังงานฟอสซิลอีกด้วย
  • Technology and Semiconductors – ปรับลดภาษีนิติบุคคล : ในสมัยของTrump ยุคแรกที่มีการปรับลดภาษีนิติบุคคล เป็นปัจจัยบวกให้กับบริษัทเทคโนโลยีที่มีเงินสำรองจำนวนมากในต่างประเทศ เนื่องจากบริษัทสามารถนำเงินเหล่านี้กลับเข้ามาลงทุนได้มากขึ้น ทั้งการซื้อหุ้นคืน การจ่ายเงินปันผล ซึ่งเป็นปัจจัยหนุนให้บริษัทเทคโนโลยีปรับตัวเพิ่มขึ้นได้ในช่วงนั้น

  1. ตราสารหนี้(Fixed Income)
  • Treasury Bond –มีการคาดการณ์ว่าอัตราผลตอบแทนของพันธบัตรระยะยาว ของสหรัฐฯจะปรับตัวเพิ่มขึ้น เนื่องจากแผนในการปรับลดภาษีและการเก็บภาษีศุลกากรที่เพิ่มขึ้น รวมถึงค่าใช้จ่ายของภาครัฐฯ ที่เพิ่มขึ้น จะทำให้เงินเฟ้อมีแนวโน้มกลับมาปรับตัวเพิ่มขึ้นอีกครั้งในระยะข้างหน้า ซึ่งอาจทำให้ Fed กลับมาดำเนินนโยบายแบบเข้มงวด อย่างไรก็ดี ในปี 2019 ซึ่งเป็นช่วงสมัยที่ Trump ดำรงตำแหน่งปธน.สหรัฐฯ Trump ได้เคยวิจารณ์การทำหน้าที่ของ Jerome Powell ประธาน Fed ที่ทำการปรับขึ้นดอกเบี้ยถึง 3 ครั้ง ซึ่งการกดดันของ Trump อาจเป็นปัจจัยที่ช่วยให้อัตราผลตอบแทนของพันธบัตรสหรัฐฯ ไม่ได้ปรับตัวเพิ่มขึ้นมากนัก
  • Corporate Bond – หากเศรษฐกิจมีการปรับตัวดีขึ้น รวมถึงมาตรการลดการเก็บภาษีนิติบุคคลจะเป็นปัจจัยหนุนให้แก่หลายบริษัทในภาพรวมซึ่งจะช่วยให้บริษัทสามารถสร้างรายได้และทำกำไรได้เพิ่มขึ้น และทำให้บริษัทกลับมามีความน่าเชื่อถือและสร้างความเชื่อมั่นให้แก่นักลงทุนมากขึ้น อาจทำให้บริษัทได้ปรับเพิ่มอันดับเดรดิต และจะส่งผลให้ Credit Spread ปรับตัวลดลง

  1. ค่าเงิน

ค่าเงินดอลลาร์มีโอกาสจะแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับเงินสกุลหลักอื่นๆ จากการคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯกิจจะเติบโตได้ดี หนุนจากนโยบายในการพยายามกระตุ้นเศรษฐกิจของ Trump และจะส่งผลให้เงินเฟ้อกลับมาปรับตัวเพิ่มขึ้นตาม และอาจทำให้ Fed ดำเนินนโยบายการเงินแบบเข้มงวดหรือปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยได้ในอนาคต

  1. Cryptocurrency

คาดว่า Cryptocurrency จะเป็นอีกหนึ่งสินทรัพย์ที่ได้รับประโยชน์ เนื่องจากในระหว่างหาเสียง Trump ระบุถึงแนวทางการสนับสนุนอุตสาหกรรมคริปโต และ คัดค้านการสร้าง Digital Currency ที่ออกโดยธนาคารกลาง (Central Bank Digital Currency) โดย Trump ถือเป็นผู้ลงสมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีคนแรกที่มีการที่รับบริจาคเงินระดมทุนเป็นเงินสกุลเงินดิจิทัล

อย่างไรก็ดีถึงแม้ Trump จะดำเนินนโยบายตามที่หาเสียงไว้และใช้นโยบายใกล้เคียงกับในสมัยที่ดำรงตำแหน่ง ปธน.สหรัฐครั้งแรก แต่ก็ยังไม่ได้เป็นสิ่งที่การันตีและคาดเดาได้อย่างแน่นอนว่าสินทรัพย์ชนิดไหนจะเคลื่อนไหวเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางใดในยุค Trump สมัยที่ 2 แต่สิ่งที่จะเกิดขึ้นค่อนข้างแน่นอนหาก Trump ชนะเลือกตั้ง ปธน.สหรัฐฯ ในช่วงเดือนพฤศจิกายนนี้ก็คือความผันผวนที่จะตามมากับการดำเนินนโยบายด้านต่าง  ที่มักจะมีความเปลี่ยนแปลงตลอดเวลาตามสไตล์การบริหารของ Trump และนั่นก็คือหนึ่งในสิ่งที่นักลงทุนจะต้องเตรียมรับมือให้พร้อมในยุคของ Trump 2.0 ที่โอกาสจะเกิดขึ้นค่อนข้างสูงมาก

Source: Bloomberg, CNBC, Economictimes, Economist, Fortune

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ TISCO Contact Center 0 2633 6000 กด 4 , 0 2080 6000 กด 4
ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนการตัดสินใจลงทุน

รายงานฉบับนี้ไม่ถือว่าเป็นคำเสนอหรือคำชี้ชวนให้ซื้อหรือขายหลักทรัพย์ และจัดทำขึ้นเป็นการเฉพาะเพื่อประโยชน์แก่บุคคลที่เกี่ยวข้องกับบริษัทเท่านั้น มิให้นำไปเผยแพร่ทางสื่อมวลชนหรือโดยทางอื่นใด ทิสโก้ไม่ต้องรับผิดต่อความเสียหายใดๆ ที่เกิดขึ้นโดยตรงหรือเป็นผลจากการใช้เนื้อหาหรือรายงานฉบับนี้ การนำไปซึ่งข้อมูล บทความ บทวิเคราะห์ และการคาดหมายทั้งหลายที่ปรากฏอยู่ในรายงานฉบับนี้เป็นการนำไปใช้โดยผู้ใช้ยอมรับความเสี่ยงและเป็นดุลยพินิจของผู้ใช้แต่ผู้เดียว

Scroll to Top
บริการออนไลน์
กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ
กองทุนรวม

เว็บไซต์นี้มีการจัดเก็บคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการใช้งานเว็บไซต์ของท่านให้ดียิ่งขึ้น และนำเสนอโฆษณาที่เกี่ยวข้องและตรงกับความสนใจของท่าน โดยท่านสามารถศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้จาก นโยบายการใช้คุกกี้ กรุณากดยอมรับเพื่อยินยอมให้เราใช้คุกกี้

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้ที่จำเป็น

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้

บันทึก