
ตั้งแต่ปลายปี 2020 เป็นต้นมา บริษัทเทคโนโลยีของจีนต้องเผชิญกับความท้าทายอย่างต่อเนื่อง ทั้งจากการบังคับใช้มาตรการควบคุมธุรกิจและการตรวจสอบเข้มงวดโดยภาครัฐ รวมไปถึงนโยบายเศรษฐกิจในแนวคิด “ความเจริญรุ่งเรืองร่วมกัน” (Common Prosperity) ซึ่งส่งผลกระทบต่อภาพรวมของอุตสาหกรรม โดยถึงแม้ในช่วงระยะหลังท่าทีที่ทางการจีนที่มีต่อบริษ้ทเทคโนโลยีของจีนจะดูผ่อนคลายมากขึ้น แต่ก็ยังไม่ชัดเจนมากนักว่าบริษัทเทคโนโลยีของจีนจะกลับมาได้รับการสนับสนุนจากทางการจีนเหมือนเมื่อในอดีต
อย่างไรก็ตาม ในเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมาได้เกิดเหตุการณ์ที่น่าประหลาดใจสำหรับนักลงทุน เมื่อประธานาธิบดี Xi Jinping ได้เข้าร่วมประชุมกับผู้นำระดับสูงจากบริษัทเอกชนชั้นนำในหลายอุตสาหกรรม โดยเฉพาะในภาคเทคโนโลยีและนวัตกรรมภายในประเทศ การประชุมครั้งนี้ได้รับความสนใจเป็นอย่างยิ่งท่ามกลางความท้าทายทั้งภายในประเทศจีนเองและปัจจัยความไม่แน่นอนจากมาตรการขึ้นภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ
ประเด็นสำคัญและผลตอบรับจากการประชุม
รัฐบาลจีนได้เชิญชวนผู้บริหารระดับสูงจากบริษัทเอกชนเข้าร่วมการประชุม โดยรายชื่อที่ได้รับเชิญนั้นเป็นที่จับตามองจากวงการเทคโนโลยีและนวัตกรรม เช่น ผู้นำจาก Alibaba, Tencent, Meituan บริษัทในธุรกิจรถยนต์ไฟฟ้าอย่าง BYD และ CATL รวมไปถึงผู้พัฒนานวัตกรรม AI อย่าง DeepSeek
รายชื่อผู้นำภาคเอกชนจีนรายสำคัญที่ร่วมประชุมกับ ปธน. Xi Jinping เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา

จากการประชุมสามารถสรุปใจความสำคัญออกมาได้ 3 ประเด็นหลัก คือ
- ทางการจีนให้คำมั่นที่จะยกเลิกค่าปรับหรือค่าธรรมเนียมที่ไม่สมเหตุสมผล
- ทางการจีนจะพยายามสร้างสนามแข่งขันที่เท่าเทียมสำหรับทุกธุรกิจ โดยมุ่งเน้นแก้ปัญหาการเข้าถึงเงินทุนสำหรับภาคเอกชน
- รัฐสภาจีนจะพิจารณาปรับปรุงกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการสนับสนุนและส่งเสริมภาคเอกชนให้มีความทันสมัยและสอดคล้องกับสถานการณ์ในปัจจุบันมากยิ่งขึ้น
โดย ปธน. Xi Jinping ยังมองว่าช่วงเวลานี้เป็นโอกาสที่ดีให้ภาคเอกชนได้ดึงศักยภาพออกมาอย่างเต็มที่ พร้อมกับเชื่อว่าสภาวะเศรษฐกิจที่เผชิญอยู่ในขณะนี้เป็นเพียงเรื่องชั่วคราว
ภายหลังการประชุม นักวิเคราะห์และนักวิชาการหลายท่านให้มุมมองในแง่บวกต่อเศรษฐกิจและตลาดหุ้นจีน โดยเฉพาะในกลุ่มเทคโนโลยี ซึ่งไม่เพียงแต่เป็นการให้กำลังใจแก่ภาคเอกชนเท่านั้น แต่ยังสะท้อนถึงท่าทีผ่อนคลายจากรัฐบาลต่ออุตสาหกรรมที่เคยถูกควบคุมอย่างเข้มงวด นักวิเคราะห์บางรายชี้ว่าการปรากฏตัวของ Xi Jinping ต่อหน้าผู้นำบริษัทเอกชน ถือเป็นสัญญาณที่สร้างความหวังให้กับการเติบโตของเศรษฐกิจจีนในอนาคต โดยคาดว่าเหตุการณ์ครั้งนี้อาจส่งผลเชิงบวกร่วมกับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจากภาครัฐ
ปัจจัยที่ทำให้รัฐบาลจีนให้กลับมาให้การสนับสนุนภาคเอกชนอีกครั้ง
จากสถานการณ์ปัจจุบัน รัฐบาลจีนเห็นความจำเป็นที่จะกลับมาแสดงท่าทีสนับสนุนภาคเอกชนอย่างจริงจัง ด้วยความคาดหวังว่าบริษัทเอกชนจะช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจในอนาคตท่ามกลางปัญหาภายในประเทศที่ยังคงยืดเยื้อ เช่น ปัญหาการว่างงานในกลุ่มนักศึกษาจบใหม่ ตลาดอสังหาริมทรัพย์ที่ฟื้นตัวไม่เต็มที่ หนี้ของรัฐบาลท้องถิ่น และภาวะเงินฝืด
ในขณะเดียวกัน ปัจจัยด้านภูมิรัฐศาสตร์ก็มีบทบาทสำคัญ เมื่อการกลับมาดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีของ Donald Trump ในสมัยที่ 2 ย่อมเพิ่มความไม่แน่นอนในเรื่องการขึ้นภาษีนำเข้าและการยกระดับการกีดกันเทคโนโลยีขั้นสูงจากสหรัฐฯ เช่น เซมิคอนดักเตอร์และเทคโนโลยี AI
บริษัทเทคโนโลยีจีนจะเป็นอย่างไรต่อไป
ซึ่งถึงแม้ว่าการกีดกันทางการค้าและการจำกัดเทคโนโลยีจากสหรัฐฯ จะทำให้จีนต้องเผชิญกับความท้าทายในการพัฒนานวัตกรรม แต่บริษัท Start-Up อย่าง DeepSeek ก็ยังสามารถเปิดตัวนวัตกรรม AI ที่มีความสามารถเทียบเท่าฝั่งสหรัฐฯ ด้วยต้นทุนที่ต่ำกว่า และถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของเทคโนโลยี AI นอกจากนี้ในช่วงที่ผ่านมาบริษัทขนาดใหญ่ในจีนยังได้เปิดเผยความคืบหน้าด้านเทคโนโลยีที่สำคัญ เช่น แผนเปิดตัวโมเดล AI Ernie 5.0 จาก Baidu และความร่วมมือระหว่าง Alibaba กับ Apple ในการนำโมเดล AI ของ Alibaba มาใช้บน iPhone ที่วางจำหน่ายในประเทศจีน
ผลจากการประชุมครั้งนี้ยังสร้างความรู้สึกเชิงบวกต่อตลาดหุ้นจีน ในสัปดาห์ที่ผ่านมา ตลาดหุ้นจีนโดยรวมมีการปรับตัวขึ้นในทิศทางบวก โดยเฉพาะหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีที่ได้รับผลประโยชน์อย่างชัดเจน อย่างไรก็ตามการประชุมครั้งนี้ถือเป็นเพียงจุดเริ่มต้นของความสัมพันธ์ที่ดีขึ้นระหว่างภาครัฐและภาคเอกชน ซึ่งในอนาคตยังต้องติดตามแนวทางการสนับสนุนภาคเอกชนอย่างต่อเนื่อง ทั้งในด้านมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพื่อรับมือกับปัญหาตลาดอสังหาริมทรัพย์ ภาวะเงินฝืด และการรับมือต่อผลกระทบจากมาตรการกีดกันทางการค้าของสหรัฐฯ
ที่มา: CNBC, Bloomberg