Nvidia (บริษัทยักษ์ใหญ่แห่งวงการผลิตชิป) ประกาศผลการดำเนินงานไตรมาสล่าสุดเติบโตอย่างแข็งแกร่ง สะท้อนให้เห็นถึงความต้องการชิป AI ที่พุ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการใช้งานในกลุ่ม Data Centers
โดยราคาหุ้น Nvidia ได้ปรับเพิ่มขึ้น 5% ก่อนวันประกาศงบไตรมาสล่าสุด สะท้อนถึงความคาดหวังในเชิงบวกของตลาด อย่างไรก็ดี หลังจากที่บริษัทได้เปิดเผยตัวเลขทางการเงิน ราคาหุ้นก็ได้เผชิญกับความผันผวนระยะสั้น ก่อนที่จะปรับตัวเพิ่มขึ้นเล็กน้อยในคืนวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา สะท้อนให้เห็นว่าตลาดยังคงมีมุมมองเชิงบวกต่อผลการดำเนินงานของ Nvidia
ในบทความนี้จะสรุปผลประกอบการของ Nvidia รวมถึงมุมมองผู้บริหาร, และมองอนาคตของบริษัทผ่านมุมมองของนักวิเคราะห์ของสถาบันการเงินชั้นนำ
ผลการดำเนินงานไตรมาสล่าสุดของ Nvidia ออกมาดีกว่าที่ตลาดคาด
Nvidia รายงานรายได้รายไตรมาสสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ $35.1 billion เพิ่มขึ้น +94% YoY ซึ่งถึงแม้จะเป็นอัตราการเติบโตที่ลดลงจาก 3 ไตรมาสก่อนหน้าที่รายได้ของ Nvidia โตได้ในระดับเลขสามหลัก(Triple Digit) แต่ก็ยังถือว่าเป็นอัตราการเติบโตที่สูงมาก และออกมาดีกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ โดย Nvidia มีกำไรต่อหุ้นอยู่ที่ $0.78 เติบโตขึ้น +101% YoY ซึ่งออกมาดีกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้เช่นกัน ในไตรมาสนี้ รายได้ของธุรกิจในกลุ่ม Data Center ยังถือว่าเป็นหัวใจสำคัญของบริษัท เนื่องจากเป็นกลุ่มที่สามารถสร้างรายได้มหาศาลถึง $30.8 billion หรือปรับเพิ่มขึ้น +112% YoY สะท้อนถึงความต้องการชิป AI อย่างมากในปัจจุบัน และยังเป็นการเติบโตที่แสดงให้เห็นว่า Nvidia ยังคงความเป็นผู้นำด้าน AI นอกจากนี้ โดยภาพรวมของรายได้จากธุรกิจในแต่ละหมวดหมู่ นอกเหนือจากธุรกิจ Data Center ของ Nvidia ก็ยังคงเติบโตได้ดีอย่างต่อเนื่องเช่นกัน
- ธุรกิจ Gaming: แม้จะได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลงทั่วโลก แต่ NVIDIA ยังคงรักษาความเป็นผู้นำในตลาดเกม ด้วยการ์ดจอ GeForce RTX 40 Series ที่ได้รับการตอบรับจากตลาด Gaming เป็นอย่างดี
- ธุรกิจ Data Center: ธุรกิจนี้เติบโตอย่างก้าวกระโดด ขับเคลื่อนโดยความต้องการชิปสำหรับ AI ที่เพิ่มขึ้น แพลตฟอร์ม Hopper ของ NVIDIA กลายเป็นตัวเลือกหลักของผู้ให้บริการ Cloud และบริษัทเทคโนโลยีขนาดใหญ่ที่ทำธุรกิจเกี่ยวข้องกับ AI
- ธุรกิจ Professional Visualization: ธุรกิจนี้ยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง จากความต้องการ GPU สำหรับงานออกแบบ และสร้างสรรค์ที่ผลิตภัณฑ์ของ Nvidia ยังเป็นที่ยอมรับอย่างกว้างขวางในวงการครีเอเตอร์
- Automotive: NVIDIA กำลังขยายบทบาทในอุตสาหกรรมยานยนต์ ด้วยแพลตฟอร์มสำหรับรถยนต์ไร้คนขับ
มุมมองผู้บริหารต่อการเติบโต
Jensen Huang (ผู้ก่อตั้งและ CEO ของ NVIDIA) มองว่า AI กำลังเป็นเทรนด์ใหญ่ระดับโลก ซึ่ง Nvidia จะมีบทบาทสำคัญในการผลักดันให้โลกเข้าสู่ยุค AI อย่างเต็มตัว ด้วยเทคโนโลยีในชิป AI ขั้นสูง อาทิ Hopper ชิป AI รุ่นปัจจุบัน และ Blackwell ชิป AI รุ่นถัดไป ที่สามารถใช้งานกับโมเดลภาษาขนาดใหญ่ (LLM) นอกจากนี้ Nvidia ยังคงเร่งพัฒนากระบวนการผลิตอย่างต่อเนื่อง เพื่อรักษาความเป็นผู้นำในตลาด AI และเพียงพอต่อความต้องการใช้งานของลูกค้า
แนวโน้มผลประกอบการสำหรับไตรมาสหน้า
ผลการดำเนินงานในไตรมาสถัดไปที่บริษัทออกมาคาดการณ์ดีกว่าค่าเฉลี่ยของนักวิเคราะห์ แต่ในขณะเดียวกันยังคงมีความเสี่ยงรออยู่เช่นเดียวกัน โดย Nvidia คาดการณ์รายได้ไตรมาสหน้า อยู่ที่ $37.5 billion ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยที่นักวิเคราะห์ประเมินไว้ที่ $37.1 billion แต่ก็ยังมีนักวิเคราะห์บางรายที่คาดการณ์รายได้ไตรมาสถัดไปของ Nvidia ว่าน่าจะทำได้ถึง $41 billion ซึ่งถือเป็นความเสี่ยงเช่นกันหากรายได้ Nvidia ในไตรมาสถัดไปไม่สามารถทำได้ถึงตัวเลขกรอบบนที่นักวิเคราะห์ได้คาดการณ์ไว้
การคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ต่อการเติบโตของ Nvidia
แม้ราคาหุ้นจะผันผวนในระยะสั้น แต่ในระยะยาว นักวิเคราะห์จาก Goldman Sachs ยังคงมีมุมมอง เชิงบวกต่อ Nvidia ด้วยปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่ง และศักยภาพในการเติบโต โดยคาดการณ์รายได้ในไตรมาสถัดไปเพิ่มขึ้น +70% YoY อีกทั้งยังคาดการณ์ราคาเป้าหมาย 12 เดือน-ข้างหน้าอยู่ที่ $150 โดยปัจจุบันราคาหุ้นอยู่ที่ระดับ $145
อย่างไรก็ดีนักวิเคราะห์จาก Goldman Sachs ยังได้ระบุความเสี่ยงสำคัญ อาทิ การชะลอตัวของการลงทุนใน GenAI ของบริษัทต่าง ๆ , ข้อจำกัดการส่งออก, ความล่าช้าในการเปิดตัวผลิตภัณฑ์, และปัญหาห่วงโซ่อุปทาน
ปัจจุบัน Nvidia ยังคงเป็นบริษัทที่มี Market Cap ที่ใหญ่ที่สุดในโลก เนื่องจากบริษัทยังเป็นผู้นำในตลาดชิป AI ถึงแม้ราคาหุ้นจะผันผวนหลังการประกาศผลการดำเนินงาน แต่ธุรกิจโดยรวมยังคงแข็งแกร่งจากความต้องการใช้งานชิป AI ที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
นอกจากนี้ Nvidia ยังคงมองหาโอกาสใหม่ๆ อาทิ การขยายธุรกิจไปยังอุตสาหกรรม ยานยนต์ (Automotive) ซึ่งจะช่วยเพิ่มโอกาสเติบโตในอนาคต แม้บริษัทจะต้องเผชิญกับความท้าทายรอบด้าน ไม่ว่าจะเป็นการแข่งขันที่เพิ่มขึ้น, ความล่าช้าในการผลิต, และความกังวลเกี่ยวกับอุปสงค์ในระยะยาว เนื่องจากหลายบริษัทได้ทำการติดตั้งชิป AI ในโครงสร้างพื้นฐานเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และอาจยังใช้งานในระบบเดิมที่มีอยู่ อย่างไรก็ดี Nvidia ก็ยังคงเดินหน้าพัฒนาเทคโนโลยี AI อย่างต่อเนื่อง อีกทั้ง Jensen Huang ก็ยังคงแสดงความมั่นใจว่า ความต้องการชิป AI ยังคงมีอยู่อย่างมาก แต่ความคาดหวังของตลาดที่มีสูงมากต่อการเติบโตของ Nvidia ก็จะนำมาซึ่งความผันผวนของราคาหุ้นเช่นเดียวกัน ซึ่งนักลงทุนที่ต้องการกระจายความเสี่ยงจากการลงทุนในหุ้น Nvidia เพียงบริษัทเดียว ก็สามารถทำได้ด้วยการลงทุนในกองทุนรวมที่มีสัดส่วนลงทุนในหุ้น Nvidia นั่นเอง