/
/
/
/
กลุ่ม Fintech คืนชีพ? รู้จัก 3 บริษัทมาแรงแห่งปี 2025

กลุ่ม Fintech คืนชีพ? รู้จัก 3 บริษัทมาแรงแห่งปี 2025

ทุกวันนี้เทคโนโลยีได้เข้ามามีบทบาทในชีวิตประจำวันของเรามากขึ้นอย่างเลี่ยงไม่ได้ เห็นได้ชัดจากความสำเร็จของเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) ที่ธุรกิจหลากหลายเริ่มนำมาประยุกต์ใช้ในการทำงาน เพราะ AI สามารถช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและลดต้นทุนในหลายด้าน แต่อีกหนึ่งเทคโนโลยีที่เริ่มกลับมามีบทบาทไม่แพ้ AI คือ “Fintech” หรือเทคโนโลยีทางการเงิน ที่กำลังเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการใช้จ่ายของผู้คนอย่างชัดเจน ตั้งแต่บทบาทของการเป็นตัวกลางในการชำระค่าสินค้าและบริการ การปล่อยสินเชื่อเพื่อการบริโภค ไปจนถึงการลงทุน

ในช่วง 1-2 เดือนที่ผ่านมา กลุ่ม Fintech กลับมาเป็นที่จับตาอีกครั้ง หลังจากราคาหุ้นในกลุ่มนี้ปรับตัวขึ้นอย่างโดดเด่น โดยมีทั้งบริษัทใหญ่ในอุตสาหกรรม และผู้เล่นหน้าใหม่ที่โครงสร้างธุรกิจน่าจับตา วันนี้เราจะพาไปรู้จักกับ 3 บริษัท Fintech ที่มาแรงแห่งปี 2025

Coinbase – ผู้ผลักดันสินทรัพย์สกุลเงินดิจิทัลให้ได้รับการยอมรับในโลกการเงินมากขึ้น

 Coinbase ถือเป็นผู้นำในวงการซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลมาอย่างยาวนาน ด้วยความสามารถในการรักษาความเป็นเบอร์หนึ่งในแพลตฟอร์มซื้อขาย และบทบาทสำคัญในการผลักดันคริปโตให้เข้าใกล้การเป็นสินทรัพย์การเงินกระแสหลัก ซึ่งล่าสุด Coinbase ได้รับคัดเลือกเข้าสู่ดัชนี S&P 500 เมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ซึ่งเป็นสัญญาณว่าตลาดการเงินกระแสหลักเริ่มให้การยอมรับคริปโตมากขึ้น

ขณะเดียวกัน ฝั่งรัฐบาลสหรัฐฯ ภายใต้การนำของประธานาธิบดี Donald Trump ก็ให้การสนับสนุนสินทรัพย์ดิจิทัลเช่นกัน โดยเมื่อวันที่ 18 มิถุนายนที่ผ่านมา วุฒิสภาได้ผ่านร่างกฎหมาย GENIUS Act ที่วางกรอบกำกับดูแล Stablecoin เช่น USDC ที่มีการผูกมูลค่ากับดอลลาร์สหรัฐฯ

หลังร่างกฎหมายนี้ผ่านวุฒิสภา ฝ่ายอนุพันธ์ของ Coinbase ก็ประกาศว่าจะนำ USDC มาใช้เป็นหลักประกันในการซื้อขายสัญญาฟิวเจอร์สของสหรัฐฯ ภายในไม่กี่วัน ส่งผลให้ราคาหุ้น Coinbase พุ่งขึ้นแรง นักวิเคราะห์จาก Bernstein SocGen มองว่าร่างกฎหมาย GENIUS เป็นปัจจัยสำคัญที่นักลงทุนมองข้าม และหากกฎหมายนี้ผ่านสภาผู้แทนราษฎรและได้รับการลงนามโดยประธานาธิบดี ก็อาจเป็นแรงผลักดันให้เกิดการ “Re-Rating” หุ้น Coinbase ได้ โดยคาดว่าจะมีความชัดเจนก่อนเดือนสิงหาคมนี้

Circle Internet Financial – เบื้องหลังความสำเร็จของ USDC

Circle Internet Financial ได้เปิดซื้อขายวันแรกในตลาดหุ้นนิวยอร์ก (NYSE) ไปเมื่อวันที่ 5 มิถุนายนที่ผ่านมา โดยบริษัทอาศัยจังหวะที่ตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลกลับมาฟื้นตัวได้อีกครั้งจากระหว่างช่วงเวลาการเลื่อนบังคับใช้มาตรการเก็บภาษีนำเข้าออกไป 90 วัน ซึ่งการเสนอขายหุ้นครั้งแรก (IPO) ของ Circle ถือว่าเป็นหนึ่งการ IPO ที่ใหญ่ที่สุดของสหรัฐฯ โดยบริษัทสามารถระดมทุนได้สูงถึง $1.1 billion นอกจากนี้ราคาหุ้น Circle ปรับตัวขึ้นมา +541% จากราคา IPO ที่ $31.00 (ณ วันที่ 25 มิถุนายน 2025)

โดยผลงานที่สำคัญของ Circle ที่มีอิทธิพลต่อนวัตกรรม Fintech ในช่วงที่ผ่านมา นั่นคือ การร่วมมือกับพันธมิตรสำคัญอย่าง Coinbase เป็นผู้ออก USDC ในปี 2018 ซึ่งเป็น Stablecoin ที่สามารถเข้าถึงง่ายและใช้งานได้สะดวกสบาย

นอกจากนี้ ในช่วงที่ตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลอยู่ในภาวะซบเซาเมื่อ 2-3 ปีก่อนแต่ USDC กลับได้รับการยอมรับในแง่ของความโปร่งใสได้สำเร็จและยังสามารถอยู่รอดได้จนถึงปัจจุบัน ส่งผลให้กลายเป็น Stablecoin ที่มีมูลค่าหมุนเวียนสูงสุดเป็นอันดับที่ 2 และ มีการเติบโตของมูลค่าหมุนเวียนอยู่ที่ 78% YoY ในปี 2024

Sezzle – สินเชื่อ Buy Now Pay Later ที่ตอบโจทย์เทรนด์คนรุ่นใหม่

อีก 1 บริษัท Fintech ที่สามารถเข้าใจถึงพฤติกรรมการใช้เงินของคนรุ่น Millennials และ Gen Z ได้ดี นั่นคือ Sezzle ที่ประกอบธุรกิจตัวเลือกการชำระเงินในรูปแบบของการปล่อยสินเชื่อเพื่อการบริโภคในรูปแบบ Buy Now Pay Later ซึ่งดึงดูดลูกค้าที่เป็นทั้งร้านค้าและผู้บริโภคด้วยระบบผ่อนชำระ 4 งวดโดยปราศจากดอกเบี้ย 

ด้วยความนิยมของ Sezzle ในช่วงที่ผ่านมาทำให้การเติบโตของบริษัทนั้นโดดเด่นกว่าบริษัทสินเชื่อ Buy Now Pay Later อื่นๆ ในตลาด ซึ่งรายได้ในไตรมาส 1 ของบริษัทออกมาอยู่ที่ $104.9 million เติบโตสูงถึง 123.3% YoY และมากกว่าระดับที่ตลาดคาดไว้ถึง $64.76 million ขณะที่กำไรต่อหุ้นอยู่ที่ $1.00 สูงกว่าคาดการณ์ตลาดที่ $0.20 โดยความแข็งแกร่งของงบไตรมาส 1 นั้นมาจากการเพิ่มความยืดหยุ่นให้แก่ลูกค้าโดยการเสนอระบบผ่อนชำระ 5 งวด และการร่วมมือกับ WebBank เพื่อเพิ่มการเติบโตและเพิ่มความน่าเชื่อถือให้กับ Sezzle อีกด้วย นอกจากนี้ คณะผู้บริหารของ Sezzle ยังคงมีความมั่นใจต่อการดำเนินธุรกิจในอนาคต ส่งผลให้ผู้บริหาร Sezzle ปรับประมาณอัตราการเติบโตของรายได้ตลอดทั้งปีอยู่ที่ 60-65% จากเดิม 25-30% และปรับประมาณการณ์กำไรสุทธิขึ้นมาจากระดับ $80.4 million สู่ระดับ $120.0 million

จากปัจจัยเฉพาะต่างๆ ของแต่ละบริษัทรวมถึงสภาพแวดล้อมในช่วงที่ผ่านมานั้นช่วยส่งเสริมให้หุ้นในกลุ่ม Fintech กลับมาคึกคักอีกครั้งหลังจากที่เคยได้เผชิญความท้าทายด้านความโปร่งใสมาชั่วระยะเวลาหนึ่ง ขณะเดียวกัน การสนับสนุนของรัฐบาลสหรัฐฯ ในการเป็นผู้นำทางด้านเทคโนโลยี Fintech ยิ่งเป็นแรงหนุนสำคัญต่อหุ้นเหล่านี้ และอาจทำให้เทคโนโลยีดังกล่าวมีบทบาทต่อชีวิตเรามากขึ้นเช่นเดียวกับเทคโนโลยี AI ในปัจจุบัน

ที่มา: Bloomberg, CNBC, Company Data

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ TISCO Contact Center 0 2633 6000 กด 4 , 0 2080 6000 กด 4
ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนการตัดสินใจลงทุน

รายงานฉบับนี้ไม่ถือว่าเป็นคำเสนอหรือคำชี้ชวนให้ซื้อหรือขายหลักทรัพย์ และจัดทำขึ้นเป็นการเฉพาะเพื่อประโยชน์แก่บุคคลที่เกี่ยวข้องกับบริษัทเท่านั้น มิให้นำไปเผยแพร่ทางสื่อมวลชนหรือโดยทางอื่นใด ทิสโก้ไม่ต้องรับผิดต่อความเสียหายใดๆ ที่เกิดขึ้นโดยตรงหรือเป็นผลจากการใช้เนื้อหาหรือรายงานฉบับนี้ การนำไปซึ่งข้อมูล บทความ บทวิเคราะห์ และการคาดหมายทั้งหลายที่ปรากฏอยู่ในรายงานฉบับนี้เป็นการนำไปใช้โดยผู้ใช้ยอมรับความเสี่ยงและเป็นดุลยพินิจของผู้ใช้แต่ผู้เดียว

Scroll to Top
บริการออนไลน์
กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ
กองทุนรวม

เว็บไซต์นี้มีการจัดเก็บคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการใช้งานเว็บไซต์ของท่านให้ดียิ่งขึ้น และนำเสนอโฆษณาที่เกี่ยวข้องและตรงกับความสนใจของท่าน โดยท่านสามารถศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้จาก นโยบายการใช้คุกกี้ กรุณากดยอมรับเพื่อยินยอมให้เราใช้คุกกี้

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้ที่จำเป็น

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้

บันทึก