สัปดาห์นี้ตลาดหุ้นจีนโดยรวมปรับตัวเพิ่มขึ้นแรงหลังจากรัฐบาลจีนได้ออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ และมาตรการสนับสนุนตลาดหุ้นครั้งใหญ่ ที่นักลงทุนเฝ้ารอคอยมาอย่างยาวนาน หลังจากที่รัฐบาลจีนได้ออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งไปล่าสุดเมื่อช่วงเดือนเมษายนที่ผ่านมา แต่กลับไม่สามารถช่วยหนุนตลาดหุ้นได้มากนัก สำหรับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจต่าง ๆ ในครั้งนี้รัฐบาลจีนหวังว่าจะสามารถช่วยให้เศรษฐกิจจีนฟื้นตัวและสามารถกลับมาเติบโตได้ตามกรอบเป้าหมายที่ระดับ 5% ได้สำเร็จ รวมถึงเรียกความเชื่อมั่นจากนักลงทุนทั้งในประเทศและนอกประเทศได้อีกครั้ง โดยรายละเอียดของมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ และตลาดหุ้นจีน มีดังนี้
นโยบายทางการเงินเพื่อเพิ่มสภาพคล่องให้กับเศรษฐกิจ และช่วยเหลือลูกหนี้
ธนาคารกลางจีน (PBOC) ได้ออกมาตราการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านการดำเนินนโยบายการเงินแบบผ่อนคลาย โดยเริ่มจากการปรับอัตราเงินสำรองธนาคารพาณิชย์ (RRR) ลงมา 0.50% อยู่ที่ระดับ 6% สำหรับธนาคารขนาดกลาง และ 8% สำหรับธนาคารขนาดใหญ่ เพื่ออัดฉีดสภาพคล่องเข้าสู่ระบบการเงินราว 1 ล้านล้านหยวน และมีแนวโน้มว่า PBOC จะลด RRR อีก 0.25%-0.5% ภายในปีนี้ ขณะที่มีการประกาศปรับลดอัตราดอกเบี้ยต่าง ๆ เช่น อัตราดอกเบี้ยซื้อคืนพันธบัตรระยะ 7 วันมาอยู่ที่ 1.5% จากเดิม 1.7% และประกาศลดอัตราดอกเบี้ยระยะกลาง (MLF) ลงมา 0.30% สู่ระดับ 2.00%
ขณะเดียวกัน PBOC ยังได้ออกมาตรการช่วยเหลือภาคอสังหาริมทรัพย์เพิ่มเติม โดยมีมาตรการลดอัตราเงินดาวน์บ้านหลังที่ 2 ให้เท่ากับอัตราเงินดาวน์บ้านหลังแรกปัจจุบันที่ระดับ 15% จากเดิมที่ 25% นอกจากนี้ ได้ร้องขอไปยังธนาคารพาณิชย์ให้ลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้สำหรับที่อยู่อาศัยปัจจุบันที่ลูกหนี้ยังค้างชำระอยู่อีก 0.50% เท่ากับอัตราดอกเบี้ยเงินกู้สำหรับที่อยู่อาศัยใหม่ ซึ่ง Pan Gongsheng ผู้ว่าการธนาคารกลางจีน (PBOC) ได้คาดว่ามาตรการช่วยเหลือภาคอสังหาริมทรัพย์จะช่วยลดภาระทางการเงินของลูกหนี้สินเชื่อที่อยู่อาศัยจำนวน 150 ล้านราย โดยจะช่วยลดภาระดอกเบี้ยประจำปีได้ราว 1.5 แสนล้านหยวน
โครงการช่วยเหลือตลาดหุ้นมีวงเงินสูงสุดถึง 8 แสนล้านหยวน
สำหรับมาตรการกระตุ้นตลาดหุ้นจีน PBOC ได้ออกมาตรการเพิ่มสภาพคล่องในตลาดหุ้นผ่านการจัดตั้งโครงการ Swap เพื่อให้สถาบันการเงินต่าง ๆ อาทิ บริษัทหลักทรัพย์ บริษัทประกัน และบริษัทจัดการกองทุนเข้าถึงแหล่งเงินทุนเพื่อซื้อหุ้นได้ง่ายขึ้น โดยโครงการดังกล่าวมีวงเงินสูงสุดอยู่ที่ 5 แสนล้านหยวน และ PBOC ยังได้อนุมัติสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำมูลค่าอีก 3 แสนล้านหยวนให้ธนาคารพาณิชย์นำไปปล่อยกู้ให้กับบริษัทเอกชนต่อเพื่อนำไปซื้อหุ้นคืนในตลาด นอกจากนี้ Pan Gongsheng ได้เปิดเผยว่าธนาคารกลางจีนกำลังอยู่ระหว่างศึกษาการจัดตั้งกองทุนรักษาเสถียรภาพตลาดหุ้นขึ้นในอนาคต
นอกจากมาตรการกระตุ้นตลาดหุ้นที่มาจาก PBOC แล้ว องค์กรต่าง ๆ ยังได้ออกมาสนับสนุนตลาดหุ้นจีนด้วยเช่นกัน โดยคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์จีน (CSRC) จะมีการเสนอแนวทางใหม่ ๆ เพื่ออำนวยความสะดวกต่อการควบรวมกิจการในเร็ว ๆ นี้ ขณะที่สำนักงานกำกับดูแลการเงินแห่งชาติ (NFRA) จะมีการอัดฉีดเงินกองทุนขั้นที่ 1 เพิ่มให้กับธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่ทั้ง 6 แห่ง
มาตรการอุดหนุนค่าครองชีพให้กลุ่มเปราะบางเพื่อกระตุ้นการใช้จ่ายในประเทศ
ภายหลังจาก PBOC ได้ออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหญ่โดยเน้นไปที่การใช้นโยบายด้านการเงินออกมา หลังจากนั้นเพียง 1 วันสำนักข่าว CCTV ได้รายงานว่ารัฐบาลจีนจะมีแผนช่วยอุดหนุนค่าครองชีพผ่านการใช้นโยบายด้านการคลังด้วยเช่นเดียวกัน โดยรัฐบาลจีนจะทำการแจกเงินสด 1 ครั้งให้กับกลุ่มเปราะบาง อาทิ คนยากไร้ และเด็กกำพร้า แม้ว่าจะยังไม่มีการเปิดเผยจำนวนเงินที่จะแจกให้กลุ่มเปราะบางว่าเป็นจำนวนเงินเท่าใด แต่รัฐบาลมีความตั้งใจที่จะแจกเงินให้ทันก่อนวันหยุดยาว Golden Week (1-7 ต.ค. นี้) โดยที่ผ่านมารัฐบาลจีนใช้นโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจโดยการแจกเงินไม่บ่อยครั้งนัก แต่การเคลื่อนไหวครั้งนี้ถือว่ามีความจำเป็น เพื่อที่จะทำให้เศรษฐกิจจีนสามารถเติบโตตามเป้าหมายที่รัฐบาลตั้งไว้ที่ 5% รวมถึงช่วยลดความเหลื่อมล้ำทางรายได้ด้วยการให้ความช่วยเหลือที่ตรงเป้าหมายแก่กลุ่มประชากรที่เปราะบางที่สุดของประเทศ
การตอบรับ และมุมมองต่อมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ
ภายหลังจาก PBOC ได้แถลงมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ และตลาดหุ้นออกมา ส่งผลให้ดัชนี HSCEI และ ดัชนี CSI 300 ปรับตัวขึ้นมา 12.39% และ 13.62% ตามลำดับ นับตั้งแต่วันอังคารที่ผ่านมา (ข้อมูล ณ วันที่ 27 กันยายน 2024) สะท้อนให้เห็นว่าตลาดตอบรับในเชิงบวกกับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหญ่นี้ อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าหลังจากนี้นักลงทุนส่วนใหญ่จะยังคงคาดหวังนโยบายกระตุ้นจากภาครัฐว่าจะมีออกมาเพิ่มเติมอีกหรือไม่ ซึ่งหากพิจารณาจากการใช้จ่ายของภาครัฐพบว่าการใช้จ่ายนับตั้งแต่ต้นปีจนถึงเดือนสิงหาคม 2024 อยู่ที่ราว 22.2 ล้านล้านหยวน ซึ่งถือว่าน้อยกว่าการใช้จ่ายตั้งแต่ต้นปีจนถึงเดือนสิงหาคม 2023 ที่ระดับ 22.9 ล้านล้านหยวน แสดงให้เห็นว่ารัฐบาลจีนอาจจะยังสามารถออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านนโยบายด้านการคลังได้อีก
อย่างไรก็ดี นโยบายกระตุ้นตลาดหุ้นในช่วงที่ผ่านมา อาทิ การเข้าซื้อหุ้นของกองทุนความมั่งคั่งแห่งชาติจีนหรือเป็นที่รู้จักกันดีในชื่อกองทุนทีมชาติจีน (Huijin) หรือมาตรการควบคุมธุรกรรม Short Selling สามารถทำให้ตลาดหุ้นปรับตัวขึ้นได้เพียงระยะสั้นเท่านั้น โดย J.P. Morgan มองว่าด้วยปฏิกิริยาของตลาดจากมาตรการ PBOC ทำให้นักลงทุนที่ทำธุรกรรม Short Selling ต้องกลับมาซื้อหุ้นคืนเพื่อปิดสถานะ ส่งผลให้ดัชนีหุ้นจีนปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว แต่การปรับเพิ่มขึ้นหลังจากนั้นก็เป็นไปอย่างจำกัดเนื่องจากเศรษฐกิจจีนยังกลับมาฟื้นตัวได้ไม่มากนัก อย่างไรก็ตาม ในครั้งนี้การกระตุ้นด้วยการอัดฉีดเงินไปยังเศรษฐกิจโดยตรงน่าจะสามารถหนุนตลาดหุ้นได้ดีกว่ามาตรการในครั้งก่อน ๆ หากว่าเศรษฐกิจจีนสามารถฟื้นตัวได้ดีหลังจากนี้
โดยภาพรวมมาตรการต่าง ๆ ที่ออกมาในครั้งนี้สามารถทำให้ตลาดหุ้นจีนพลิกฟื้นกลับขึ้นมาสร้างผลตอบแทนได้ดีในระยะสั้น ส่วนภาพในระยะยาวสิ่งที่นักลงทุนต้องจับตาหลังจากนี้คือ การประกาศผลการดำเนินงานของบริษัทจดทะเบียนในไตรมาสถัดไปที่หากกำไรของบริษัทจดทะเบียนสามารถกลับมาเติบโตได้ดี ตลาดหุ้นจีนก็มีโอกาสฟื้นตัวได้อย่างมีเสถียรภาพมากยิ่งขึ้น และอีกสิ่งหนึ่งความเสี่ยงสำคัญที่ต้องจับตาก็คือ ผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีคนใหม่ของสหรัฐฯ ว่าจะมีการออกนโยบายกระทบจีนอย่างไร โดยเฉพาะประเด็นการกีดกันการค้าที่อาจส่งผลกระทบต่อหุ้นจีนได้อีก
Source: Bloomberg, UBS, J.P. Morgan