ราคาหุ้น Nvidia ปรับเพิ่มขึ้นแรงต่อเนื่องมาตั้งแต่ปี 2023 จนปัจจุบันกลายเป็นบริษัทที่มีมูลค่า ตลาดใหญ่ที่สุดติด 3 อันดับแรกของโลก และในสัปดาห์นี้ก็ถือเป็นอีกหนึ่งช่วงเวลาที่สำคัญของ Nvidia ที่นักลงทุนทั่วโลกเฝ้าจับตามอง ซึ่งก็คือการรายงานผลการดำเนินงานไตรมาส 2 ที่หลายฝ่ายคาดหวังต่อการเติบโตของ Nvidia ไว้สูงมาก และทำให้เริ่มเกิดความกังวลว่า บริษัทจะยังคงความสามารถสร้างการเติบโตระดับสูงต่อเนื่องได้ในระยะยาวหรือไม่
ซึ่งผลตอบรับหลังรายงานผลการดำเนินงานของ Nvidia ในครั้งนี้ ออกมาสวนทางกับรอบก่อนๆ ที่ผลการดำเนินงานออกมาแข็งแกร่งและทำให้ราคาหุ้นปรับตัวขึ้นทำ All time high อย่างต่อเนื่อง โดยในไตรมาสนี้นักลงทุนให้น้ำหนักกับผลการดำเนินงานที่ผ่านมาลดลง และไปโฟกัสกับมุมมองในระยะข้างหน้า ซึ่งทางบริษัทได้คาดการณ์การเติบโตของรายได้ไว้สูงเช่นเคย แต่มีการรายงานถึงความล่าช้าในการผลิตชิปรุ่นใหม่ ซึ่งอาจมีผลต่อการเติบของรายได้ในอนาคต จึงทำให้มีแรงเทขายหุ้นออกมา
ผลการดำเนินงานของ Nvidia ยังเติบโตดีอย่างต่อเนื่อง
Nvidia รายงานรายได้ไตรมาส 2 ออกมาอยู่ที่ $30.04 พันล้าน เติบโต +122% YoY และมีกำไรต่อหุ้น อยู่ที่ $0.68 เติบโต +152% YoY สะท้อนโมเมนตัมการเติบโตในระดับสูงอย่างต่อเนื่อง
โดยรายได้ธุรกิจ Data Center ซึ่งเป็นธุรกิจหลักของบริษัท ยังคงเพิ่มขึ้นทำสถิติสูงสุดใหม่ราย
ไตรมาสที่ $26.3 พันล้าน เพิ่มขึ้น +154% YoY หนุนจากความต้องการใช้งาน AI ที่เติบโตขึ้นทั่วโลก ซึ่งส่งผลต่อเนื่องมาจากการเติบโตของผู้ให้บริการ Cloud รายใหญ่ทั่วโลกที่ต้องใช้ชิป AI ของบริษัทมากขึ้น ขณะเดียวกันรายได้ธุรกิจเกม ซึ่งมีสัดส่วนรายได้เป็นอันดับ 2 ของบริษัทก็มีรายได้เพิ่มขึ้นอยู่ที่ $2.9 พันล้าน เพิ่มขึ้น +16% YoY หนุนจากยอดการจัดส่งการ์ดจอสำหรับ PC และยอดการจัดส่งชิปแบบ System on a Chip (SoC) สำหรับคอนโซลเกมของ Nintendo ที่เพิ่มมากขึ้น
อีกทั้งบริษัทยังได้ให้ Guidance รายได้ไตรมาส 3 อยู่ที่ $32.5 พันล้าน มากกว่าค่าเฉลี่ยที่นักวิเคราะห์คาดที่ $31.9 พันล้าน ไม่มากนัก แต่อยู่ต่ำกว่ากรอบบนของตัวเลขที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ $37.9 พันล้าน อยู่มากพอสมควร รวมถึงมีการประกาศโครงการซื้อหุ้นคืนเพิ่มอีก $50 พันล้าน
นอกจากนี้ บริษัทยังได้มีการอัพเดตความคืบหน้าของการพัฒนาชิป Blackwell ซึ่งเป็นชิปที่ใช้กันกับ AI รุ่นใหม่ที่กำลังออกมาในปีนี้ ว่ามีความล่าช้าในการผลิตเล็กน้อยเนื่องจากกำลังมีการพัฒนาไลน์การผลิตเพื่อให้สอดรับกับความต้องการที่น่าจะมีมากขึ้นในอนาคต โดยบริษัทคาดว่าจะสามารถเพิ่มกำลังการผลิตได้อย่างเต็มรูปแบบในไตรมาส 4 ปีนี้ และคาดว่าจะสามารถสร้างรายได้ให้กับบริษัทถึงหลักหลายพันล้านดอลลาร์ ในช่วงไตรมาสดังกล่าว
ผู้บริหารยังมองบริษัทยังเติบโตได้ต่อจากความต้องการใช้ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
Jensen Huang, CEO และผู้ก่อตั้ง Nvidia ได้กล่าวในช่วงประกาศผลการดำเนินงานว่า บริษัทมีรายได้เพิ่มขึ้นสูงสุดเป็นประวัติการณ์ เนื่องจากบริษัทผู้พัฒนา Data Center ทั่วโลกมีความต้องการชิปประมวลผลที่ทันสมัยและมีคุณภาพสูงเพิ่มมากขึ้น เพื่อช่วยให้การประมวลผลข้อมูลมีความรวดเร็วและสามารถพัฒนา AI ที่มีประสิทธิภาพสูงออกมาได้ ซึ่งสะท้อนผ่านความต้องการชิปรุ่น Hopper ที่เป็นชิปAI รุ่นยอดนิยมของบริษัทที่ยังคงแข็งแกร่ง และ Huang คาดหวังว่าชิปรุ่น Blackwell ที่กำลังพัฒนาอยู่จะสร้างผลตอบรับที่น่าทึ่งเช่นเดียวกับที่ผ่านมา
ในประเด็นชิป Blackwell คุณ Huang ได้ระบุเสริมว่าได้เริ่มผลิต และส่งตัวอย่างไปให้แก่ลูกค้าทั่วโลกแล้ว รวมทั้งมั่นใจว่าเมื่อไลน์การผลิตเสร็จสมบูรณ์ จะสามารถผลิตได้ตามความต้องการแน่นอน
นักลงทุนผิดหวังต่อ Guidance และปัญหาด้านการผลิตชิปรุ่นใหม่
หลังจากการประกาศผลการดำเนินงานล่าสุด ราคาหุ้น Nvidia ปรับตัวลงราว -6.38% ภายใน 1 วัน เนื่องจากนักลงทุนมีความผิดหวังต่อประมาณการยอดขายไตรมาสถัดไปที่ไม่ได้สร้างความเติบโตแบบสร้างความตื่นตะลึงให้กับนักลงทุนเหมือนที่ผ่านมา และเรื่องความล่าช้าในการผลิตชิป Blackwell
ถึงแม้ว่า คุณ Huang จะพยายามออกมาสร้างความเชื่อมั่นว่าชิป Blackwell จะสามารถส่งมอบและสร้างรายได้ให้กับบริษัทในไตรมาส 4 นี้ แน่นอน แต่การที่บริษัทไม่ได้มีการให้รายละเอียดเชิงลึกต่อความคืบหน้าของชิป Blackwell ก็ทำให้นักลงทุนมีความกังวลว่าชิป Blackwell มีโอกาสจำหน่ายล่าช้ากว่าที่บริษัทประกาศไว้และจะส่งผลกระทบต่อแนวโน้มการเติบโตของบริษัท เนื่องจากนักวิเคราะห์คาดว่าสัดส่วนรายได้ของ Nvidia ในปี 2025 กว่า 59% จะมาจากชิป Blackwell ด้วยเหตุนี้หากชิป Blackwell จำหน่ายล่าช้าก็อาจส่งผลกระทบต่อการเติบโตของรายได้บริษัทค่อนข้างมาก
ถึงแม้ผลการดำเนินงาน Nvidia จะออกมาอย่างแข็งแกร่ง แต่นักลงทุนให้น้ำหนักความสำคัญต่อแนวโน้มการเติบโตในอนาคตของ Nvidia มากขึ้น ด้วยเหตุนี้เมื่อ Guidance ออกมาแย่กว่าคาด และการผลิตชิป Blackwell มีความล่าช้ากว่าเดิม ราคาหุ้นจึงปรับตัวลง
ซึ่งประเด็นนี้เรามองว่าน่าจะกดดัน Nvidia ต่ออีกในระยะหนึ่งจนกว่าจะมีปัจจัยหนุนใหม่เข้ามา
อย่างไรก็ดี เรามองว่าการเข้ามาของธีม AI จะเป็นปัจจัยหนุนหลักให้ความต้องการชิปของ Nvidia เพิ่มขึ้นต่อเนื่องในระยะยาว และถ้าหากชิป Blackwell สามารถผลิตและจัดจำหน่ายในปริมาณที่มากเพื่อรองรับกับความต้องชิปที่ทันสมัยของบริษัทเทคฯ ชั้นนำได้ ก็จะยิ่งทำให้ผลการดำเนินงานของ Nvidia เติบโตต่อไปได้แข็งแกร่งอย่างต่อเนื่อง
ที่มา: App Economy insight, Citi Research, Company Report.
