
ในสัปดาห์นี้ ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ต้องเผชิญกับปัจจัยหลากหลายที่นักลงทุนจำเป็นต้องติดตามอย่างใกล้ชิด ไม่ว่าจะเป็นการประกาศตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญ หรือผลการประชุมของ Fed โดยอีกหนึ่งปัจจัยที่ดึงความสนใจของนักลงทุนไม่น้อยไปกว่ากัน คือการประกาศผลการดำเนินงานไตรมาสล่าสุดของ 4 ของบริษัทขนาดใหญ่ในกลุ่ม “Magnificent 7” ได้แก่ Apple, Meta Platform, Microsoft และ Tesla
โดยการประกาศผลการดำเนินงานของทั้ง 4 บริษัทถือเป็นตัวชี้วัดศักยภาพในการรักษาอัตราการเติบโตของรายได้และกำไรในช่วงปลายปีที่ผ่านมา รวมถึงการเปิดเผยแนวโน้มธุรกิจในปีนี้ โดยบทความนี้ได้สรุปปัจจัยที่ส่งผลต่อผลการดำเนินงานในไตรมาสที่ผ่านมา และแนวโน้มในระยะต่อไปของทั้ง 4บริษัท
ภาพรวมผลการดำเนินงานไตรมาสล่าสุด ของ 4 บริษัทที่อยู่ในกลุ่ม Magnificent

Apple: รายได้บริการเติบโตโดดเด่น พร้อมมุมมองเชิงบวกปี 2025
- ผลการดำเนินงานดีกว่าที่คาด
Apple รายงานผลการดำเนินงานไตรมาสล่าสุดออกมาดีกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ ทั้งในแง่รายได้และกำไร โดยมีรายได้เพิ่มขึ้น +3.95% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน อยู่ที่ 124.3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (ใกล้เคียงกับคาดการณ์ที่ 124.1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ) และกำไรต่อหุ้นอยู่ที่ 2.4 ดอลลาร์สหรัฐ สูงกว่าคาดที่ 2.35 ดอลลาร์สหรัฐ
- แรงหนุนจากรายได้บริการ
การเติบโตของรายได้ในไตรมาสล่าสุดได้แรงหนุนสำคัญจากรายได้ในส่วนบริการ (Services) ซึ่งเพิ่มขึ้นถึง +14% และช่วยชดเชยยอดขาย iPhone ที่ลดลง โดยเฉพาะในตลาดจีนที่ยังอ่อนแอและหดตัวลงจากปีก่อนหน้าถึง 11% อย่างไรก็ดี Tim Cook ซีอีโอของ Apple ระบุว่าสินค้าคงคลังที่ล้นตลาดเป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ยอดขาย iPhone ในจีนลดลง
- แนวโน้ม iPhone 16 และ AI
แม้รายได้จาก iPhone ในไตรมาสที่ผ่านมาจะลดลง แต่ Tim Cook ชี้ว่า iPhone 16 ซึ่งเพิ่งเปิดตัวในไตรมาสนี้ยังคงได้รับความนิยมอย่างมาก และเชื่อว่าในอนาคตยอดขายมีแนวโน้มเติบโตมากขึ้น โดยเฉพาะหลังจากที่ Apple ได้เปิดตัว “Apple Intelligence AI” นอกจากนี้ Apple ยังคาดว่ารายได้จากบริการ (Services) จะเติบโตได้ในอัตราเลขสองหลักอย่างต่อเนื่อง
Meta Platform: รายได้–กำไรโตแข็งแกร่ง พร้อมลงทุนใน AI อย่างต่อเนื่อง
- ผลการดำเนินงานเหนือคาด
Meta Platform ประกาศผลการดำเนินงานไตรมาสล่าสุดออกมาดีกว่าคาด โดยรายได้เติบโต +21% YoY อยู่ที่ 48.39 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ มากกว่าที่ตลาดคาดไว้ที่ 46.98 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่กำไรต่อหุ้นอยู่ที่ 8.02 ดอลลาร์สหรัฐ สูงกว่าคาดที่ 7.51 ดอลลาร์สหรัฐ
- แรงหนุนจากผู้ใช้งานและโฆษณา
ปัจจัยหลักที่ทำให้ Meta Platform เติบโตต่อเนื่อง ได้แก่ จำนวนผู้ใช้งานที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และรายได้จากโฆษณาที่ขยายตัว โดยเฉพาะการนำ AI มาเพิ่มประสิทธิภาพในการนำเสนอโฆษณาและสร้างรายได้ในส่วนนี้
- โครงการ AI ในอนาคต
ในปี 2025 Meta Platform ยังคงเดินหน้าลงทุนในโครงการที่เกี่ยวข้องกับ AI อย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของ Llama AI หรือการยกระดับ AI เพื่อสร้างรายได้เพิ่มขึ้นและกระตุ้นการใช้งาน Facebook กับ Instagram
- มุมมองความสัมพันธ์กับรัฐบาลสหรัฐฯ
Mark Zuckerberg CEO ของ Meta ระบุว่า ปี 2025 อาจเป็นจุดเปลี่ยนความสัมพันธ์ระหว่าง Meta และรัฐบาลสหรัฐฯ ภายใต้การนำของ Donald Trump ที่อาจได้รับโอกาสใหม่ ๆ หลังจากบริษัทได้ปรับกลยุทธ์ให้สอดคล้องกับนโยบายทางสังคมของรัฐบาลชุดปัจจุบันแล้ว
Microsoft: ผลประกอบการดีกว่าคาด แต่เตือนรายได้อาจชะลอไตรมาสหน้า
- ผลการดำเนินงานแข็งแกร่ง
Microsoft รายงานผลการดำเนินงานไตรมาสล่าสุดออกมาสูงกว่าที่คาด ทั้งในแง่รายได้และกำไร โดยมีรายได้เติบโต +12% YoY อยู่ที่ 69.63 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ใสกกว่าที่ตลาดคาดไว้ที่ 68.78 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่กำไรต่อหุ้นอยู่ที่ 3.23 ดอลลาร์สหรัฐ สูงกว่าคาดการณ์ที่ 3.12 ดอลลาร์สหรัฐ
- แรงหนุนจากธุรกิจ Cloud และ AI
รายได้ทุกกลุ่มธุรกิจของ Microsoft เติบโตได้ดีโดยเฉพาะธุรกิจ Cloud ซึ่งได้รับอานิสงส์จากความนิยมใน AI ทำให้รายได้ในส่วนนี้ยังคงเติบโตถึง 19% YoY โดยหากดูเฉพาะ Azure เพียงธุรกิจเดียว เติบโตถึง 31% YoY
- กลยุทธ์ AI-first ของ Microsoft
Satya Nadella CEO ของ Microsoft ย้ำว่ากลยุทธ์ AI-first จะเป็นปัจจัยหลักที่ขับเคลื่อนการเติบโตของบริษัทต่อไป โดยผลิตภัณฑ์สำคัญที่มุ่งพัฒนา ได้แก่ Azure OpenAI Services, Microsoft 365 Copilot และ Data Center ซึ่งต้องใช้งบลงทุนที่บริษัทวางแผนไว้ที่ระดับ 80 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในปีงบประมาณนี้
- แนวโน้มรายได้ไตรมาสหน้า
แม้ไตรมาสล่าสุดจะดีกว่าคาด แต่ Microsoft ประเมินว่ารายได้ในไตรมาสหน้าจะอยู่ที่ 67.7-68.7 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ต่ำกว่าที่ตลาดคาดไว้ที่ 69.8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ
Tesla: ผลการดำเนินงานต่ำกว่าคาด แต่ยังเชื่อมั่นวิสัยทัศน์ของ Elon Musk
- ผลการดำเนินงานไตรมาส 4
Tesla ผู้ผลิตรถยนต์ EV ชั้นนำ รายงานผลการดำเนินงานไตรมาส 4 ออกมาต่ำกว่าที่ตลาดคาด โดยมีรายได้เพิ่มขึ้นเพียง +2% YoY อยู่ที่ 25.71 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ น้อยกว่าที่ตลาดคาดว่าจะออกมาที่ 27.21 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ และมีกำไรต่อหุ้นที่ 0.73 ดอลลาร์สหรัฐ ต่ำกว่าทีตลาดคาดว่าจะออกมา $0.76
- ปัจจัยฉุดผลประกอบการ
รายได้จากธุรกิจรถยนต์ลดลง 8% YoY จากราคาขายเฉลี่ยที่ปรับตัวลง เนื่องจากการเสนอส่วนลดพิเศษในช่วงสิ้นปี 2024 และการแข่งขันที่ดุเดือดในตลาดจีน ส่งผลให้รายได้รวมไตรมาสนี้ไม่เป็นไปตามเป้า
- เทคโนโลยี AI และโครงการปี 2025
Elon Musk ซีอีโอของ Tesla แสดงความเชื่อมั่นว่าธุรกิจรถยนต์ไฟฟ้าจะกลับมาเติบโต 20-30% ในปี 2025 ทั้งนี้ Tesla ยังได้พัฒนาเทคโนโลยี AI เพื่อการขับเคลื่อนอัตโนมัติอย่างจริงจัง โดยมี “Cortex” เป็นซูเปอร์คอมพิวเตอร์ที่ออกแบบมาให้ระบบ Autopilot มีความปลอดภัยและสะดวกสบายยิ่งขึ้น
- แผนเปิดตัวบริการ FSD และ Robotaxi
Musk ยังเผยว่าบริษัทมีแผนเปิดตัวบริการ FSD (Full Self-Driving) แบบใหม่ที่คิดค่าบริการ และรถยนต์ไฟฟ้าราคาย่อมเยาในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2025 รวมถึงเตรียมเปิดให้บริการ Robotaxi ภายในสิ้นปีเดียวกัน
จากผลการดำเนินงานในไตรมาสที่ผ่านมาของทั้ง 4 หุ้น ในกลุ่ม Magnificent 7 ที่ได้ประกาศออกมาส่วนใหญ่ยังคงแสดงให้เห็นถึงการเติบโตที่ทั้งรายได้และกำไร รวมถึงยังให้ความสำคัญต่อการพัฒนาเทคโนโลยีด้าน AI อย่างต่อเนื่องในระยะข้างหน้า แต่ราคาหุ้นของบริษัทเหล่านี้กลับตอบสนองต่อแนวโน้มผลการดำเนินงานในระยะข้างหน้ามากกว่าผลการดำเนินงานในไตรมาสที่แล้วซึ่งเป็นตัวบ่งชี้ที่สำคัญถึงศักยภาพในการเติบโตอย่างยั่งยืนของแต่ละบริษัท
โดยหลังจากนี้ในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ยังคงต้องจับตาการประกาศผลการดำเนินงานของ 3 บริษัทที่เหลือในกลุ่ม Magnificent 7 คือ Amazon , Alphabet และ Nvidia ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่จะกำหนดทิศทางการเคลื่อนไหวของตลาดหุ้นสหรัฐฯ ในช่วงต่อจากนี้
ที่มา: CNBC , Bloomberg , Company Website