LTF ควร “ถือต่อ” หรือ “ย้ายไป Thai ESGX” ดี?

ปีนี้เป็นปีที่ LTF ครบอายุทั้งหมดแล้ว นักลงทุนหลายคนจึงทยอยขายกองทุนออกมาตั้งแต่ต้นปี แต่ก็ยังมีนักลงทุนจำนวนไม่น้อยที่ยังถือ LTF ไว้ เพราะยังอยู่ในภาวะขาดทุน และยังลังเลว่าจะขายดีหรือไม่ เพราะอยากนำเงินก้อนนี้ไปใช้ให้เกิดประโยชน์หรือต่อยอดต่อไปในอนาคต 

โดยตอนนี้ มีอีกหนึ่งทางเลือกที่น่าสนใจ ซึ่งจะช่วยให้ผู้ถือ LTF เดิมสามารถ “สร้างผลประโยชน์ทางภาษี” ได้เพิ่มขึ้น โดยไม่ต้องใช้เงินลงทุนใหม่ และโอกาสได้ผลตอบแทนเชิงบวกจากการลงทุนครั้งใหม่ เพียงแค่สับเปลี่ยนจาก LTF ไปยัง Thai ESGX ซึ่งเป็นกองทุนลดหย่อนภาษีน้องใหม่ ที่มาพร้อมกับสิทธิประโยชน์ทางภาษีสูงสุดไม่เกิน 500,000 บาท 

แต่ก่อนที่เราจะไปพูดถึงข้อดีของการสับเปลี่ยน LTF ไปยัง Thai ESGX สิ่งแรกที่นักลงทุนควรพิจารณาก่อนเป็นอันดับแรกนั้นก็คือ  ผู้ลงทุนควรพิจารณาเงื่อนไขของ Thai ESGX ก่อน ว่าตอบโจทย์ความต้องการของตัวเองหรือไม่ ทั้งในแง่สิทธิประโยชน์ทางภาษีที่จะได้รับ นโยบายการลงทุน และเงื่อนไขต่างๆ

3 เงื่อนไขหลักสำคัญที่นักลงทุนควรพิจารณาก่อนทำการสับเปลี่ยน LTF ไป Thai ESGX

1. มีหน่วยลงทุน LTF ไม่ว่าประเภทไหนก็ตาม (ไม่รวม SSF) และพร้อมสับเปลี่ยนLTF ทั้งหมด (ทุกกองทุน ทุก บลจ.) ภายในช่วงพฤษภาคม–มิถุนายน 2568
2. ไม่เคยขายหรือสับเปลี่ยนหน่วยลงทุน LTF ใดๆ ตั้งแต่วันที่ 12 มีนาคม 2568 (ทั้งภายในบลจ. เดียวกันและข้ามบลจ.)
3. พร้อมถือหน่วยลงทุน Thai ESGX ต่ออีก 5 ปี (นับวันชนวัน) นับจากวันสับเปลี่ยนเข้า

หากยังไม่แน่ใจว่าตนเองถือ LTF อยู่ที่ใดหรือมีจำนวนหน่วยลงทุนเหลืออยู่เท่าใด สามารถตรวจสอบข้อมูล ณ วันที่ 11 มีนาคม 2568 ได้ที่ www.set.or.th/th/ltf/overview

เมื่อผู้ลงทุนมั่นใจว่าเข้าเงื่อนไขในการลดหย่อนภาษีผ่านการสับเปลี่ยน LTF ไปยัง Thai ESGX แล้ว เรามาดู 3 ข้อดีและเหตุผลสำคัญที่สนับสนุนให้ดำเนินการสับเปลี่ยนครั้งนี้ เพื่อให้ได้รับสิทธิ์ลดหย่อนภาษีสูงสุด 500,000 บาท

3 ข้อดีและเหตุผลสนับสนุนการสับเปลี่ยน LTF ไปยัง Thai ESGX

1. โอกาสเพียงครั้งเดียวของปี ในการลดหย่อนภาษีเพิ่ม โดยไม่ต้องใช้เงินลงทุนใหม่
   ผู้ลงทุนสามารถลดหย่อนภาษีเพิ่มได้ โดยไม่ต้องใช้เงินลงทุนใหม่ ด้วยการสับเปลี่ยนเงินก้อนเดิมจาก LTF ไปยัง Thai ESGX ซึ่งจะสามารถใช้ลดหย่อนภาษีได้สูงสุดไม่เกิน 500,000 บาท โดยแบ่งใช้สิทธิ์ดังนี้ ในปีภาษี 2568: ลดหย่อนได้ไม่เกิน 300,000 บาท และในปีภาษี 2569–2572: นำส่วนที่เหลืออีก 200,000 บาทมาแบ่งลดหย่อนปีละเท่า ๆ กัน ไม่เกินปีละ 50,000 บาท

2. โอกาสการลงทุนในปตลาดหุ้นหุ้นไทยที่มี Valuation ต่ำและอัตราปันผลสูง
   ปัจจุบันตลาดหุ้นไทยมีระดับมูลค่าที่ถูกกว่าทุกช่วงที่ผ่านมา ขณะเดียวกันอัตราเงินปันผล (Dividend Yield) ก็อยู่ในระดับที่สูงกว่าค่าเฉลี่ยอย่างมาก จึงเปิดโอกาสให้นักลงทุนได้รับผลตอบแทนเชิงบวกมากขึ้นผ่านการลงทุนใน Thai ESGX

3. เติบโตควบคู่กับหุ้นไทยแนว ESG
   Thai ESGX ลงทุนในบริษัทจดทะเบียนไทยที่ผ่านเกณฑ์ประเมินตามหลักสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (ESG) ซึ่งจะช่วยยกระดับการบริหารความเสี่ยงในการดำเนินธุรกิจ และเพิ่มความสามารถในการแข่งขันได้ในระยะยาว ทำให้ธุรกิจมีศักยภาพในการเติบโตและสามารถสร้างผลตอบแทนที่ดีให้แก่นักลงทุน

และเพื่อไม้ให้ผู้ลงทุนพลาดโอกาสในการลงทุนพร้อมรับสิทธิพิเศษในการลดหย่อนภาษีผ่านกองทุน Thai ESGX ที่รองรับการสับเปลี่ยนจาก LTF ทาง บลจ.ทิสโก้ มีให้เลือกกลยุทธ์การลงทุนถึง 2 นโยบาย ได้แก่

• กองทุนเปิด ทิสโก้ หุ้น70 ไทยเพื่อความยั่งยืนแบบพิเศษ ชนิดเงินลงทุนเดิม (TThai70ESGX-L) ซึ่งเป็นกองทุนผสม ที่เน้นลงทุนในหุ้นมีความโดดเด่นด้านความยั่งยืนประมาณ 65-70% ของ NAV และส่วนที่เหลือลงทุนในตราสารเพื่ออนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ตราสารเพื่อความยั่งยืน หรือตราสารส่งเสริมความยั่งยืน ทั้งภาครัฐและเอกชน และมีความเสี่ยงกองทุนอยู่ที่ระดับ  5 (ความเสี่ยงปานกลางค่อนข้างต่ำ)

• กองทุนเปิด ทิสโก้ หุ้นไทยเพื่อความยั่งยืนแบบพิเศษ ชนิดเงินลงทุนเดิม (TThaiESGX-L) ซึ่งเป็นกองทุนที่ลงทุนในหุ้นไทยที่มีความโดดเด่นด้านความยั่งยืนไม่น้อยกว่า  80% ของ NAV และมีความเสี่ยงกองทุนอยู่ที่ระดับ  6 (ความเสี่ยงสูง)

โดยผู้ลงทุนสามารถทำรายการสับเปลี่ยนจาก LTF ไป Thai ESGX ได้ถึงวันที่ 30 มิถุนายน 2568 เท่านั้น ผ่านแอปพลิเคชั่น TISCO My Funds หรือธนาคารทิสโก้

คำเตือน
ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไข ผลตอบแทน ความเสี่ยง และศึกษาสิทธิประโยชน์ทางภาษีที่ระบุไว้ในคู่มือการลงทุนก่อนตัดสินใจลงทุน กรณีไม่ได้ปฏิบัติตามเงื่อนไขทางภาษี จะไม่ได้สิทธิประโยชน์ตามเงื่อนไขของกองทุน