
การเปลี่ยนผู้นำ Fed ถือเป็นหนึ่งในเหตุการณ์สำคัญที่อาจกำหนดทิศทางของเศรษฐกิจ, การเงิน,และตลาดทุนทั่วโลกในช่วงหลายปีข้างหน้า โดยล่าสุดกระแสการเมืองและเศรษฐกิจในสหรัฐฯ เริ่มร้อนแรงขึ้นอีกครั้ง เมื่อ Trump เริ่มเดินหน้าเฟ้นหาผู้ที่จะมารับตำแหน่งต่อจาก Powell ซึ่งจะหมดวาระในปีหน้า
บทความนี้จะพาไปสำรวจตัวเต็ง 3 รายชื่อหลักที่มีแนวโน้มจะขึ้นเป็นประธาน Fed คนต่อไป โดยแต่ละคนล้วนมีจุดแข็งและจุดอ่อน ซึ่งส่งผลต่อเศรษฐกิจโลกที่แตกต่างกันอย่างชัดเจน
ตัวเลือกที่ 1 Kevin Warsh – มือเก๋าผู้ท้าทายกรอบเดิมๆ
- Warsh คืออดีตสมาชิกคณะผู้ว่าการของ Fed และถูกมองว่าเป็น “ตัวเต็ง” มาตั้งแต่ Trump เข้ารับตำแหน่ง เขาเคยดูแลการดำเนินงานและงบประมาณของ Fed ในช่วงปี 2006-2011 ทำให้เข้าใจกลไกภายในเป็นอย่างดี ล่าสุด Trump เองก็ยังเอ่ยปากชมว่า Warsh เป็น “บุคคลที่ได้รับการยอมรับอย่างสูง”
จุดแข็ง:
- มุมมองบวกเชิงต่อเศรษฐกิจ: Warsh เชื่อมั่นว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯกำลังจะเข้าสู่ยุคทองภายใต้ Trump 2.0
- วิจารณ์ Fed อย่างตรงไปตรงมา: เขาไม่เห็นด้วยกับแนวคิดของ Fed ในปัจจุบัน โดยวิจารณ์ว่าเป็น “ธนาคารกลางที่ติดกับดักโมเดลเศรษฐกิจยุคคุณปู่ (ปี 1978)” และมองไม่เห็นศักยภาพการเติบโตของเศรษฐกิจที่รออยู่ข้างหน้า ซึ่งเป็นแนวคิดที่น่าจะถูกใจทำเนียบขาว
- ต้องการปฏิรูป Fed : Warsh เรียกร้องให้มีการ “ปฏิรูปครั้งใหญ่” ใน Fed มาตลอด เขาไม่พอใจที่ Fed “เปลี่ยนกฎกลางคัน” ซึ่งทำลายความน่าเชื่อถือและส่งผลเสียต่อเศรษฐกิจ
จุดอ่อน:
- สายเหยี่ยว (Hawkisk): Warsh มีแนวโน้มที่จะสนับสนุนการคงอัตราดอกเบี้ยในระดับสูงเพื่อควบคุมเงินเฟ้อ ซึ่งอาจไม่ใช่นโยบายที่ Trump ต้องการเสมอไป
- เป็นผลดีต่อเงินดอลลาร์: นักวิเคราะห์มองว่าหาก Warsh ได้รับเลือก จะส่งผลให้ค่าเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้น ซึ่งอาจกระทบต่อการส่งออกของสหรัฐฯ
ตัวเลือกที่ 2: Kevin Hassett – คนวงในใกล้ชิด Trump
Trump เปรยว่า “Kevin ทั้งสองคนเก่งมาก” และอีกหนึ่ง Kevin ที่ว่าก็คือ Hassett ซึ่งปัจจุบันดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการสภาเศรษฐกิจแห่งชาติ ก่อนหน้านี้ตลาดคาดการณ์ (Kalshi) ให้โอกาสเขาชนะสูง แต่ล่าสุดดูเหมือนจะถูก Christopher Waller แซงหน้าขึ้นเป็นเต็ง 1 แทน
จุดแข็ง:
- คนสนิทของ Trump: Hassett เป็นบุคคลสำคัญที่อยู่เบื้องหลังนโยบายเศรษฐกิจของ “Trump 2.0” ตั้งแต่เรื่องข้อตกลงการค้าไปจนถึงการผลักดันกฎหมายสำคัญต่างๆ
จุดอ่อน:
- ความเป็นอิสระของ Fed : ความใกล้ชิดกับ Trump นี่เองที่อาจเป็น “ดาบสองคม” เพราะอาจทำให้ตลาดตั้งคำถามถึงความเป็นอิสระของธนาคารกลาง ซึ่งเป็นรากฐานสำคัญของเศรษฐกิจ Trump เคยได้รับบทเรียนราคาแพงมาแล้วตอนที่ตลาดหุ้นร่วงอย่างหนักหลังเขาเคยขู่จะปลดประธาน Fed คนปัจจุบัน
- คำถามเรื่องความโปร่งใส: เมื่อถูกถามเรื่องการที่ Trump ปลดหัวหน้าสำนักงานสถิติแรงงาน Hassett ตอบอย่างชาญฉลาดว่า “ผมเป็นนักเศรษฐศาสตร์ ไม่ใช่นักการเมือง แต่เมื่อตัวเลขทำให้นักการเมืองสงสัย ก็แปลว่าเราต้องการความโปร่งใสมากขึ้น”
ตัวเลือกที่ 3: Christopher Waller – ผู้ว่าการ Fed ที่ “พรีเซนต์ตัวเอง“
- Waller เป็นผู้ว่าการ Fed ที่ Trump เคยแต่งตั้งมาแล้วในปี 2020 ซึ่งหมายความว่าเขาเป็นคนที่ทำเนียบขาวรู้จักและยอมรับในฝีมือ แต่สิ่งที่ทำให้เขากลายเป็นม้ามืด คือการแสดงท่าทีที่หลายคนมองว่าเป็นการ “หาเสียง” เพื่อชิงตำแหน่งประธาน Fed โดยล่าสุด Waller ก้าวขึ้นมาเป็นเต็ง 1 ตามมุงมองของนักวิเคราะห์หลายสถาบัน
จุดเด่น:
- หนุนการลดดอกเบี้ยอย่างชัดเจน: Waller เป็น 1 ใน 2 เสียงข้างน้อยในที่ประชุมครั้งล่าสุดที่โหวตสวนมติของ Fed โดยสนับสนุนให้มีการลดอัตราดอกเบี้ย ซึ่งเป็นสิ่งที่ Trump ต้องการ
- ส่งสัญญาณถึงทำเนียบขาว: นักวิเคราะห์จาก UBS แซวว่าท่าทีของ Waller “ไม่ต่างอะไรกับการกระโดดโลดเต้นแล้วตะโกนว่า ‘เลือกผม! เลือกผม!’ ไปทางทำเนียบขาว”
คำถามที่ยังค้างคา:
- จริงใจหรือแค่หาเสียง? นักเศรษฐศาสตร์หลายคนตั้งข้อสงสัยว่า Waller ต้องการลดดอกเบี้ยจริงๆ หรือแค่พยายามพูดเอาใจประธานาธิบดีเพื่อหวังตำแหน่งกันแน่ Jeremy Siegel ศาสตราจารย์ทางด้านการเงินจาก Wharton School ถึงกับตั้งคำถามว่า “เขากำลังหาเสียงเพื่อมาแทนที่ Powell อยู่หรือเปล่า?
โดย Trump ได้ออกมากล่าวว่าตัวเค้าจะเปิดเผยผู้ที่จะก้าวขึ้นมาเป็นประธาน Fed คนใหม่ในสัปดาห์หน้า ซึ่งสิ่งที่ดูเหมือนว่า Trump จะต้องการจากประธาน Fed มากที่สุดก็คือ นโยบายทางการเงินที่มีทิศทางผ่อนคลายนั่นเอง
Source: Bloomberg