/
/
/
/
3 ปัจจัยสำคัญที่นักลงทุนต้องติดตามในเดือนมกราคม 2025

3 ปัจจัยสำคัญที่นักลงทุนต้องติดตามในเดือนมกราคม 2025

เข้าสู่เดือนแห่งการเริ่มต้นปีใหม่ เดือนมกราคมมักเป็นช่วงเวลาที่นักลงทุนทั่วโลกต่างจับตาสถานการณ์และวิเคราะห์ปัจจัยต่างๆ เพื่อประกอบการตัดสินใจในการวางแผนการลงทุนให้เหมาะสมกับสภาวะตลาดปัจจุบัน

โดยในเดือนมกราคม 2025 นี้ มีปัจจัยสำคัญหลายอย่างที่นักลงทุนต้องให้ความสำคัญเป็นพิเศษ เนื่องจากมีเหตุการณ์สำคัญหลายอย่างที่กำลังจะเกิดขึ้นซึ่งมีทั้งความเหมือนและความแตกต่างจากครั้งก่อนๆ ในอดีต

ในบทความนี้ เราจะพูดถึง 3 ปัจจัยที่นักลงทุนควรติดตามอย่างใกล้ชิดในเดือนมกราคม 2025 ไม่ว่าจะเป็นการประชุม Fed, การเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนใหม่, และผลประกอบการของกลุ่มธนาคารในสหรัฐฯ สำหรับไตรมาสล่าสุด ซึ่งล้วนแต่ส่งผลต่อทิศทางการลงทุน และเศรษฐกิจโลกในวงกว้าง

การประชุม Fed เดือนมกราคม 2025

การประชุมของธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) จะมีขึ้นในวันที่ 28-29 มกราคม 2025 ซึ่งเป็นไฮไลท์สำคัญที่นักลงทุนควรจับตามอง ว่า Fed จะคงอัตราดอกเบี้ยตามที่ตลาดคาด หรือปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง และยังรอคอยการส่งสัญญาณการดำเนินนโยบายดอกเบี้ยตลอดทั้งปีนี้ว่าจะมีทิศทางอย่างไร 

ทั้งนี้ ในการประชุม Fed ครั้งล่าสุดในเดือนธันวาคม 2024 ที่ผ่านมา Fed ได้ส่งสัญญาณ Hawkish Cut คือถึงแม้จะมีการปรับลดดอกเบี้ย แต่ส่งสัญญาณในเชิง Hawkish ออกมา

ซึ่งในการดำเนินนโยบายการเงินสำหรับปี 2025 โดยปัจจัยที่สำคัญในการกำหนดทิศทางนโยบายการเงินต่อจากนี้ คือ ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ อาทิ ตัว เงินเฟ้อและตัวเลขการจ้างงานสหรัฐฯ  

โดยล่าสุด สหรัฐฯได้รายงานตัวเลขเศรษฐกิจออกมา หลายตัวเลข โดยมีรายงานตัวเลข ISM ภาคการบริการ เดือน ธ.ค. ที่ออกมา 54.1 จุด ดีกว่าตลาดคาด รวมถึงมีรายงานตัวเลขดัชนีราคา (prices-paid index) ออกมา 64.4 จุด สะท้อนว่ากิจกรรมทางเศรษฐกิจภาคบริการยังคงขยายตัวได้อย่างแข็งแกร่ง

นอกจากนี้ มีตัวเลขตำแหน่งงานว่างเปิดใหม่ (JOLTs) เดือน พ.ย. รายงานออกมา 8.1 ล้าน ตำแหน่ง ซึ่งเป็นตัวเลขที่มากที่สุดในรอบ 6 เดือน บ่งชี้ว่าภาคธุรกิจเริ่มกลับมาเปิดรับสมัครพนักงานมากขึ้น โดยเฉพาะภาคบริการ ขณะที่อัตราการปลดพนักงาน ทรงตัวอยู่ในระดับต่ำไม่ได้เปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยยะสำคัญ อย่างไรก็ดี นักลงทุนเริ่มกลับมากังวลว่าเงินเฟ้อจะยังทรงตัวอยู่ในระดับสูง จากเศรษฐกิจที่ยังคงแข็งแกร่ง และตลาดแรงงานยังคงมีเสถียรภาพ ซึ่งการตัดสินใจของ Fed ในครั้งนี้ก็อาจส่งผลต่อทิศทางของตลาดหุ้นสหรัฐฯ และตลาดหุ้นทั่วโลกอีกด้วย

การเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีคนใหม่ของสหรัฐฯ

เมื่อวันที่ 6 มกราคม 2025 ที่ผ่านมา รัฐสภาสหรัฐฯ ได้รับรองนาย Donald Trump ชนะเลือกตั้งประธานาธิบดีปี  2024 อย่างเป็นทาง และในวันที่ 20 มกราคม 2025 นาย Donald Trump จะทำการสาบานจนรับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ซึ่งนับว่าเป็นการกลับมารับตำแหน่งผู้นำสหรัฐฯสมัยที่ 2 ของนาย Donald Trump

โดยเหตุผลที่การเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯของนาย Donald Trump อย่างเป็นทางการ จะนำมาซึ่งความเปลี่ยนแปลงในนโยบายเศรษฐกิจหลายด้าน คือการเปลี่ยนแปลงนโยบายการค้าระหว่างประเทศ โดยเฉพาะความสัมพันธ์ทางการค้ากับจีน รวมถึงการขึ้นภาษีนำเข้าจากประเทศอื่น ๆ

นอกจากนี้ นโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศของนาย Donald Trump ก็อาจเป็นปัจจัยหนุนให้กับการเติบโตของเศรษฐกิจสหรัฐฯ ซึ่งในสัปดาห์นี้ นาย Donald Trump ก็ยังได้ประกาศแผนการลงทุนที่จะสร้างศูนย์ข้อมูลใหม่ในหลายภูมิภาคในสหรัฐฯ เพื่อพัฒนาการเติบโตด้าน AI และดึงดูดนักลงทุนต่างชาติเข้ามาลงทุนเพิ่มเติมในสหรัฐฯ รวมถึงกระตุ้นเศรษฐกิจในระดับท้องถิ่นผ่านการสร้างงานในภาคก่อสร้าง รวมถึงบริการอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง

อย่างไรก็ดี นักลงทุนต่างก็ยังมีความกังวลเกี่ยวกับการดำเนินนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของนาย Donald Trump ซึ่งอาจส่งผลต่อความไม่สมดุลทางเศรษฐกิจ รวมถึงการปรับลดดอกเบี้ย Fed ในปี 2025 ที่อาจน้อยกว่าที่ตลาดคาดไว้ในตอนแรก ซึ่งไม่ว่านาย Donald Trump จะขับเคลื่อนเศรษฐกิจในสหรัฐฯในรูปแบบไหน ก็ยังคงมีผลต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุน และตลาดการเงินอย่างมีนัยยะสำคัญ

ผลการดำเนินงานหุ้นกลุ่มธนาคารในสหรัฐฯ

ผลการดำเนินงานของกลุ่มการเงินในสหรัฐฯ จะเริ่มทยอยประกาศผลการดำเนินงานไตรมาสล่าสุดในช่วงกลางถึงปลายเดือนมกราคม 2025 ซึ่งจะเป็นหนึ่งในสัญญาณที่บ่งชี้ถึงความแข็งแกร่งของเศรษฐกิจสหรัฐฯ และในช่วงของปี 2025 เป็นช่วงที่ดอกเบี้ยของสหรัฐฯ เริ่มเป็นทิศทางขาลงอย่างชัดเจน ซึ่งนักลงทุนน่าจะเริ่มเห็นภาพของศักยภาพและความสามารถในการบริหารจัดการผลการดำเนินงานได้ดีมากน้อยเพียงใดต่อจากนี้

โดยในช่วงปี 2024 ที่ผ่านมา ผลการดำเนินงานของธนาคารใหญ่ในสหรัฐฯ ได้แสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งและความยืดหยุ่นของภาคการเงินในสหรัฐฯ ถึงแม้ในช่วงก่อนหน้านี้กลุ่มภาคเงินได้เผชิญกับความท้าทายจากช่วงภาวะดอกเบี้ยขาขึ้น แต่ผลการดำเนินงานกลุ่มก็ยังฟื้นตัวได้ดี

ทั้งนี้ นักวิเคราะห์หลายสถาบันคาดว่ากลุ่มธนาคารสหรัฐฯจะรายงานกำไรที่แข็งแกร่ง แต่อาจมีการตั้งสำรองหนี้สูญเพิ่มขึ้นเพื่อรองรับความเสี่ยงจากภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว โดยผลประกอบการของภาคการเงินจะสะท้อนถึงคุณภาพสินเชื่อ, การเติบโตของเงินฝาก, และความสามารถในการทำกำไรภายใต้สภาวะตลาดปัจจุบัน

โดยทั้ง 3 ปัจจัยสำคัญนี้ ถือเป็นเหตุการณ์สำคัญที่อาจกำหนดทิศทางของโลกการลงทุนในตลอดทั้งปีนี้ ซึ่งผลลัพธ์ของทั้ง 3 เหตุการณ์จะออกมาเป็นอย่างไร จึงเป็นสิ่งที่นักลงทุนต้องติดตามอย่างใกล้ชิด

Source : Bloomberg, Federal Reserve

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ TISCO Contact Center 0 2633 6000 กด 4 , 0 2080 6000 กด 4
ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนการตัดสินใจลงทุน

รายงานฉบับนี้ไม่ถือว่าเป็นคำเสนอหรือคำชี้ชวนให้ซื้อหรือขายหลักทรัพย์ และจัดทำขึ้นเป็นการเฉพาะเพื่อประโยชน์แก่บุคคลที่เกี่ยวข้องกับบริษัทเท่านั้น มิให้นำไปเผยแพร่ทางสื่อมวลชนหรือโดยทางอื่นใด ทิสโก้ไม่ต้องรับผิดต่อความเสียหายใดๆ ที่เกิดขึ้นโดยตรงหรือเป็นผลจากการใช้เนื้อหาหรือรายงานฉบับนี้ การนำไปซึ่งข้อมูล บทความ บทวิเคราะห์ และการคาดหมายทั้งหลายที่ปรากฏอยู่ในรายงานฉบับนี้เป็นการนำไปใช้โดยผู้ใช้ยอมรับความเสี่ยงและเป็นดุลยพินิจของผู้ใช้แต่ผู้เดียว

Scroll to Top
บริการออนไลน์
กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ
กองทุนรวม

เว็บไซต์นี้มีการจัดเก็บคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการใช้งานเว็บไซต์ของท่านให้ดียิ่งขึ้น และนำเสนอโฆษณาที่เกี่ยวข้องและตรงกับความสนใจของท่าน โดยท่านสามารถศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้จาก นโยบายการใช้คุกกี้ กรุณากดยอมรับเพื่อยินยอมให้เราใช้คุกกี้

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้ที่จำเป็น

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้

บันทึก