Thai ESGX : ทางเลือกใหม่สำหรับนักลงทุนที่อยากลดหย่อนภาษีเพิ่มเติมในปี 2568 

สิทธิลดหย่อนภาษีไม่เพียงพอต่อความต้องการ? 

ทุกปี… เรามักจะได้ยินคำถามที่ฟังแล้วคุ้นหูจนแทบจะกลายเป็นคำประจำฤดูยื่นภาษีไปแล้วว่า “ลดหย่อนภาษีได้แค่นี้เองเหรอ?”

คำถามนี้ไม่ใช่เรื่องใหม่ เพราะถึงแม้ในแต่ละปี กรมสรรพากรจะมีการกำหนดสิทธิประโยชน์ทางภาษีไว้หลายรายการ เช่น

• ค่าประกันชีวิต

• ค่าเบี้ยประกันสุขภาพ

• การบริจาคเพื่อการศึกษา การกีฬา หรือการสาธารณประโยชน์

• และหมวดการลงทุน เช่น RMF และ Thai ESG

แต่ในความจริงที่หลายคนต้องเจอ คือ สิทธิลดหย่อนภาษีเหล่านี้มีเพดานจำกัด และไม่พอต่อความต้องการใช้จริง

โดยเฉพาะสิทธิลดหย่อนจาก RMF และ Thai ESG ซึ่งรวมกันได้สูงสุดเพียง 800,000 บาท/ปี

ทำให้ผู้เสียภาษีหลายคนรู้สึกว่า…

“อยากวางแผนภาษีด้วยการลงทุนระยะยาว แต่พอจะลดหย่อนภาษีกลับได้ไม่เต็มที่”

หลายคนจึงรู้สึกว่าสิทธิการลดหย่อนภาษีด้วยการลงทุน ควรมีตัวเลือกเพิ่มเติมมากขึ้นเพื่อให้ผู้เสียภาษีมีแนวทางการจัดการภาษีอย่างชาญฉลาดมากกว่านี้ด้วยเหตุนี้ในแต่ละปีผู้เสียภาษีจึงมักจะเรียกร้องให้รัฐบาลพยายามเพิ่มช่องทางการลดหย่อนภาษีให้มากขึ้นกว่าเดิม

ซึ่งในที่สุด…
เสียงเรียกร้องเหล่านี้ก็ได้รับการตอบรับในปีนี้ โดยรัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้มีการเปิดตัวกองทุนลดหย่อนภาษีน้องใหม่ในชื่อ Thai ESGX ซึ่งนอกจากจะเป็นอีกหนึ่งทางเลือกในการลดหย่อนภาษีแล้ว ยังมีเป้าหมายเพื่อกระตุ้นตลาดหุ้นไทยที่กำลังซบเซาอีกด้วย โดยกองทุน Thai ESGX นี้เปิดโอกาสให้นักลงทุนสามารถใช้สิทธิในการลดหย่อนภาษีเพิ่มเติมได้อีกในปี 2568 สูงสุดไม่เกิน 800,000 บาท

Thai ESGX: ตัวเลือกใหม่เพื่อเพิ่มสิทธิลดหย่อนภาษี

ความต้องการในการเพิ่มทางเลือกด้านการลดหย่อนภาษีจึงเป็นเรื่องที่ผู้เสียภาษีเรียกร้องกันมาหลายปี และในปี 2568 นี้ ก็ได้รับการตอบรับแล้ว

Thai ESGX หรือ กองทุนรวมไทยเพื่อความยั่งยืนแบบพิเศษ (Thailand ESG Extra Fund)
ถูกเปิดตัวขึ้นเพื่อเป็นอีกหนึ่งทางเลือกในการวางแผนภาษี พร้อมทั้งกระตุ้นตลาดหุ้นไทยที่กำลังซบเซา

โดยเปิดโอกาสให้นักลงทุนสามารถใช้สิทธิลดหย่อนภาษีเพิ่มเติมได้อีกสูงสุดไม่เกิน 800,000 บาท แยกต่างหากจาก RMF/Thai ESG เดิม

สิทธิลดหย่อนภาษีจาก Thai ESGX มี 2 ส่วนหลัก

1. เงินลงทุนใหม่

• ซื้อกองทุน Thai ESGX ด้วยเงินใหม่ได้สูงสุด 30% ของเงินได้พึงประเมิน

• แต่ไม่เกิน 300,000 บาท

  วงเงินนี้ไม่ไปรวมกับสิทธิเดิมของ RMF หรือ Thai ESG 

2. เงินที่สับเปลี่ยนจาก LTF เดิม

• หากคุณยังถือหน่วยลงทุน LTF เดิมอยู่

• สามารถสับเปลี่ยนมาลงทุนใน Thai ESGX ได้ เพื่อรับสิทธิลดหย่อนเพิ่มอีก สูงสุด 500,000 บาท

• แบ่งเป็น:

  • ปีภาษี 2568: ลดหย่อนได้ไม่เกิน 300,000 บาท

  • ส่วนที่เหลือ 200,000 บาท ลดหย่อนได้เท่า ๆ กันในปีถัดไป (ปีที่ 2–5)

รวมแล้วปี 2568 สามารถลดหย่อนภาษีผ่านการลงทุนได้สูงสุดถึง 1.4 ล้านบาท

เงื่อนไขการลงทุนใน Thai ESGX

• กองทุนต้องลงทุนในหุ้นไทยกลุ่ม ESG ไม่น้อยกว่า 65% ของมูลค่ากองทุน

• ผู้ลงทุนต้องถือครองกองทุนไม่น้อยกว่า 5 ปี (นับจากวันลงทุน)

• เปิดขายเฉพาะช่วงเวลา 1 พฤษภาคม – 30 มิถุนายน 2568

• หากสับเปลี่ยนจาก LTF เดิม:

  • ต้องสับเปลี่ยน “ทั้งจำนวน” ที่ถืออยู่

  • นับตั้งแต่ 12 มีนาคม 2568 ต้องไม่มีการขายหรือสับเปลี่ยนกองทุน LTF

  • หากผิดเงื่อนไข จะเสียสิทธิการลดหย่อนในส่วนนี้

Thai ESGX เหมาะกับใคร? 

• ผู้ลงทุนที่ต้องการวงเงินลดหย่อนภาษีเพิ่มเติม โดยใช้เงินลงทุนจาก LTF เดิม และเงินลงทุนใหม่

• นักลงทุนที่มีความพร้อมในการลงทุนระยะยาวอย่างน้อย 5 ปี

• ผู้ที่ยังเชื่อมั่นในศักยภาพของตลาดหุ้นไทย มีมุมมองบวกหรือเป็นกลางต่อแนวโน้มของตลาดหุ้นไทย (เช่น เชื่อว่าราคาหุ้นไทยยัง “ไม่แพง” หรือมองว่าเงินปันผลยังสูง)

โดยสรุป กองทุน Thai ESGX ไม่เพียงเป็นทางเลือกในการลงทุนเพื่อผลตอบแทนระยะยาว แต่ยังเป็นเครื่องมือวางแผนภาษีอย่างมีประสิทธิภาพ ที่ตอบโจทย์ความต้องการของผู้เสียภาษีในยุคปัจจุบันอย่างแท้จริง และเพื่อไม้ให้ผู้ลงทุนได้พลาดโอกาสในการลงทุนพร้อมรับสิทธิพิเศษในการลดหย่อนภาษีผ่านกองทุน Thai ESGX ทาง บลจ.ทิสโก้ ก็ได้มีการเปิดเสนอขายกองทุน Thai ESGX โดยมีให้เลือกกลยุทธ์การลงทุนถึง 2 นโยบาย นโยบายละ 2 Class ได้แก่

• กองทุนเปิด ทิสโก้ หุ้น 70 ไทยเพื่อความยั่งยืนแบบพิเศษ ชนิดเงินลงทุนพิเศษ / เงินลงทุนเดิม (TThai70ESGX-S / TThai70ESGX-L) ซึ่งเป็นกองทุนผสม ที่เน้นลงทุนในหุ้นมีความโดดเด่นด้านความยั่งยืนประมาณ 65-70% ของ NAV และส่วนที่เหลือลงทุนในตราสารเพื่ออนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ตราสารเพื่อความยั่งยืน หรือตราสารส่งเสริมความยั่งยืน ทั้งภาครัฐและเอกชน ความเสี่ยงของกองทุนอยู่ที่ระดับ 5 (ความเสี่ยงปานกลางค่อนข้างสูง)

• กองทุนเปิด ทิสโก้ หุ้นไทยเพื่อความยั่งยืนแบบพิเศษ ชนิดเงินลงทุนพิเศษ / เงินลงทุนเดิม (TThaiESGX-S / TThaiESGX-L) ซึ่งเป็นกองทุนที่ลงทุนในหุ้นไทยที่มีความโดดเด่นด้านความยั่งยืนไม่น้อยกว่า  80% ของ NAV และมีความเสี่ยงกองทุนอยู่ที่ระดับ  6 (ความเสี่ยงสูง)

โดยกองทุน Class ชนิดเงินลงทุนพิเศษ อย่าง TThai70ESGX-S และ TThaiESGX-S จะเป็นกองทุนสำหรับผู้ที่ต้องการใช้สิทธิลดหย่อนภาษีจากเงินลงทุนใหม่ (ลดหย่อนสูงสุด 300,000 บาท ไม่เกิน 30% ของเงินได้พึงประเมิน) ซึ่งจะเปิดขายหน่วยลงทุนครั้งแรก (IPO) ตั้งแต่วันที่ 2 – 8 พฤษภาคม 2568 และเปิดซื้อขายทุกวันทำการตั้งแต่วันที่ 13 พฤษภาคม – 30 มิถุนายน 2568 เท่านั้น

ขณะที่กองทุน Class ชนิดเงินลงทุนเดิม อย่างกองทุน TThai70ESGX-L และ TThaiESGX-L จะเป็นกองทุนที่จะรองรับการสับเปลี่ยนย้ายเงินลงทุนจาก LTF (ลดหย่อนภาษีรวมสูงสุด 500,000 บาท แบ่งเป็น ปี 2568 ลดหย่อนสูงสุด 300,000 บาท และปี 2569 – 2572 ลดหย่อนได้จำนวนเท่า ๆ กันในแต่ละปีภาษี สูงสุดปีละ 50,000 บาท ) ซึ่งจะเริ่มเปิดรับการสับเปลี่ยนจากกองทุน LTF ได้ตั้งแต่วันที่ 13 พฤษภาคม – 30 มิถุนายน 2568 เท่านั้น

คำเตือน

ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไข ผลตอบแทน ความเสี่ยง และศึกษาสิทธิประโยชน์ทางภาษีที่ระบุไว้ในคู่มือการลงทุนก่อนตัดสินใจลงทุน กรณีไม่ได้ปฏิบัติตามเงื่อนไขทางภาษี จะไม่ได้สิทธิประโยชน์ตามเงื่อนไขของกองทุน