ด้วยประกันสุขภาพ/ประกันโรคร้ายแรง ตัวช่วยปกป้องเงินในกระเป๋าไม่ให้หมดไปกับค่ารักษาพยาบาล
ใครๆ ก็หวังว่าจะไม่เจอเหตุการณ์แบบนี้…
ชายคนนึงวูบหมดสติจากเส้นเลือดในสมองตีบ คนที่อยู่ในเหตุการณ์ต่างรีบให้ความช่วยเหลือ ติดต่อเรียกรถพยาบาลนำส่งโรงพยาบาลเอกชนที่ใกล้ที่สุด ผลการรักษาเป็นไปได้ด้วยดี แต่สุดท้าย ต้องช๊อคหนักเมื่อเห็นตัวเลขค่ารักษาพยาบาลที่ต้องจ่าย
ก็เพราะเราไม่รู้เลยว่า “เราจะเจ็บป่วยเมื่อไหร่และจะป่วยร้ายแรงแค่ไหน” ดังนั้น เราควรเตรียมเงินสำหรับค่ารักษาพยาบาลไว้ให้เพียงพอ ซึ่งหากเราคาดหวังว่าจะใช้บริการโรงพยาบาลเอกชน ก็ต้องเตรียมเงินไว้เยอะหน่อย เพราะดูอย่างเวลาที่เราเจ็บป่วยเล็กน้อย เช่น ไข้หวัดธรรมดา ยังต้องเสียเงินเป็นพัน แต่ถ้าเกิดป่วยหนักด้วยโรคร้ายแรงแล้วล่ะก็ หนีไม่พ้นต้องเสียเงินหลักแสนหลักล้านกันเลยทีเดียว
ทีนี้ ถ้าใครคิดว่าเงินที่มีอยู่หรือที่จะเตรียมไว้ไม่พอจ่ายค่ารักษาพยาบาลแน่ๆ คงต้องรีบสร้างเกราะเพชรป้องกันไม่ให้เงินทองหดหายไปกับค่ารักษาพยาบาลที่มีแนวโน้มสูงขึ้นทุกปี ด้วยการทำประกันสุขภาพหรือประกันโรคร้ายแรง เพราะจะได้รับเงินก้อนชดเชยจากการทำประกันมาบรรเทาค่ารักษาพยาบาลที่เราต้องจ่ายนั่นเอง
สำหรับการทำประกันสุขภาพนั้น เป็นการสร้างความคุ้มครองภาระค่าใช้จ่ายสำหรับทุกโรคที่เราเป็น โดยให้เลือกแบบประกันที่ค่าห้องเหมาะสมกับความต้องการของเรา นอกจากนี้ แนะนำให้เลือกความคุ้มครองตามที่จ่ายจริงสำหรับค่าธรรมเนียมแพทย์ผ่าตัดและค่ารักษาพยาบาลทั่วไป เช่น ค่ายา ค่าแพทย์ที่ปรึกษา ค่าบริการรถพยาบาล ค่ารักษาพยาบาลต่อเนื่อง เป็นต้น
ส่วนประกันโรคร้ายแรงเป็นประกันที่คุ้มครองค่าใช้จ่ายที่เกิดจากการเป็นโรคร้ายแรงเท่านั้น จุดเด่น คือ “จ่ายเบี้ยน้อย แต่คุ้มครองสูง” ซึ่งสิ่งที่เราควรพิจารณา ได้แก่ การเลือกความคุ้มครองกลุ่มโรคเดียวหรือหลายกลุ่มโรค การเลือกจำนวนการเคลมต่อกรมธรรม์ เป็นต้น ซึ่งหากเป็นกรมธรรม์ที่เงื่อนไขดี เช่น เคลมได้หลายครั้งหลายกลุ่มโรค มีเงินคืนให้ในหลายระยะของแต่ละโรค มีการชดเชยรายได้ เป็นต้น ค่าเบี้ยประกันต่อปีก็มักจะสูงตามไปด้วย
ซึ่งก่อนที่เราจะทำประกัน เราต้องดูเงื่อนไขของกรมธรรม์ว่ามีข้อยกเว้นความคุ้มครองหรือมีเหตุอะไรบ้างที่จะทำให้บริษัทประกันจะไม่จ่ายค่าสินไหมหรือค่ารักษาพยาบาลให้เราหรือเปล่า ซึ่งข้อยกเว้นหลักๆ ก็คือ โรคที่เราเป็นมาก่อนหรือโรคที่กำลังเป็นและทำการรักษาอยู่ และโรคที่เกิดในช่วงระยะเวลารอคอย (Waiting Period) ซึ่งระบุไว้ไม่เกิน 120 วันแล้วแต่โรคที่เป็น นอกจากนี้ มีโรคหลายโรคที่บริษัทประกันอาจไม่รับทำประกันสุขภาพเลยก็ได้ เช่น โรคหัวใจ โรคเบาหวาน เป็นต้น จึงต้องเช็คเงื่อนไขให้ละเอียดก่อนทำประกัน
นอกจากนี้ เพื่อนๆ สามารถนำเบี้ยประกันสุขภาพและเบี้ยประกันโรคร้ายแรงมาลดหย่อนภาษีได้ตามจริงสูงสุดถึง 25,000 บาท โดยเมื่อรวมกับเบี้ยประกันขีวิตจะต้องไม่เกิน 100,000 บาท
สุดท้ายนี้ อยากให้ทุกคนเริ่มทำประกันสุขภาพหรือประกันโรคร้ายแรงตั้งแต่อายุยังน้อยและยังมีสุขภาพดี เพื่อเวลาเจ็บป่วยจะได้ไม่ต้องไปกู้หนี้ยืมสินหรือนำเงินเก็บเพื่อการเกษียณมาจ่ายค่ารักษาพยาบาล แล้วก็อย่าลืมทบทวนวงเงินประกันสุขภาพให้เป็นปัจจุบันอยู่เสมอ ทีนี้ เราก็จะมั่นคงมั่งคั่ง มีอิสระทางการเงิน แล้วก็จะมีความสุขทุกวันยันเกษียณไปด้วยกันอย่างแน่นอนครับ