จริงอยู่ที่ว่า…เราไม่สามารถขจัดความเสี่ยงในชีวิตได้ทั้งหมด แต่มันจะดีกว่ามั้ย…ถ้าเราสามารถถ่ายโอนความเสี่ยงที่เกิดจากเหตุการณ์ไม่คาดฝันและส่งผลกระทบต่อชีวิตและทรัพย์สินของเราได้ ด้วยสิ่งที่เรียกว่า “การประกันภัย” ซึ่งการวางแผนประกันภัยนั้นถือเป็นองค์ประกอบสำคัญของการวางแผนทางการเงินส่วนบุคคล ทำให้เราอุ่นใจว่าจะได้เงินจากบริษัทประกันมาช่วยบรรเทาความเสียหายจากเหตุการณ์ไม่คาดฝันต่างๆ ได้ แล้วแต่ละช่วงวัย ควรทำประกันแบบไหน ไปดูกันเลย…
ประกันวัยซ่าส์ 20+
วัยซ่าส์ วัยที่อายุยังน้อยมาก แต่ด้วยการใช้ชีวิตที่เร่งรีบในปัจจุบัน รวมถึงการใช้โซเชียลมีเดียอย่างไม่ว่างเว้น อาจทำให้วัยซ่าส์เกิดความเครียด พักผ่อนไม่พอ จนทำให้เกิดการเจ็บป่วยตามมา ดังนั้น
ในวัยนี้ ควรทำประกันสุขภาพเพื่อคุ้มครองกรณีป่วยหนักต้องเข้ารักษาตัวหรือผ่าตัดในโรงพยาบาล ซึ่งเบี้ยประกันสุขภาพสำหรับวัยซ่าส์นับว่ายังไม่แพง ยิ่งถ้าเลือกประกันสุขภาพแบบมีความรับผิดส่วนแรกสูงซักหน่อย
ค่าเบี้ยต่อปีจะถูกลงไปเยอะมาก
นอกจากนี้ควรเพิ่มประกันแบบสะสมทรัพย์และ/หรือประกันบำนาญ ที่เน้นการชำระเบี้ยระยะยาวเพื่อลดภาระในชำระเบี้ยประกันต่อปี ซึ่งประกันทั้ง 2 แบบนี้ จะเน้นสะสมเพื่อให้เรามีเงินก้อนในอนาคต รวมถึงเป็นเงินออมเพื่อการเกษียณ นอกจากนี้ ยังสามารถนำเบี้ยประกันไปลดหย่อนภาษีสำหรับผู้ที่ต้องเสียภาษีได้อีกด้วย
ประกันวัยแซ่บ 30+ และวัยเผ็ด 40+
ปัจจุบัน มีหลายปัจจัยที่ทำให้คนเราเป็นโรคร้ายแรงกันตั้งแต่อายุยังไม่มากนัก ไม่ว่าจะเป็นการทานอาหารไขมันสูง ความเครียด การขาดการออกกำลังกาย มลพิษ การสูบบุหรี่ เป็นต้น จากข่าวล่าสุดที่ดาราสาวอายุแค่ 30 ต้นๆ ก็เป็นเส้นเลือดในสมองตีบแล้ว ดังนั้น ทั้งวัยแซ่บและวัยเผ็ด ควรมีประกันสุขภาพที่มีความคุ้มครองโรคร้ายแรง ซึ่งเป็นโรคที่มีค่ารักษาพยาบาลสูงมาก เช่น โรคมะเร็ง โรคหัวใจ โรคหลอดเลือดสมอง (Stroke) เป็นต้น
สำหรับใครที่มีลูกเล็กๆ ควรเพิ่มประกันสุขภาพสำหรับลูกน้อย เพราะเด็กเล็กป่วยบ่อยมาก เวลาเข้าโรงพยาบาล ต้องจ่ายทีเป็นหมื่นเป็นแสน นอกจากนี้ ใครที่เป็นเสาหลักของครอบครัว แนะนำให้ทำ “ประกันชีวิตแบบชั่วระยะเวลา” ที่จ่ายเบี้ยต่อปีน้อยแต่คุ้มครองชีวิตสูงกว่าการทำประกันชีวิตประเภทอื่นๆ เรียกว่า “จ่ายเบี้ยหลักพัน คุ้มครองหลักล้าน” โดยบริษัทประกันจะจ่ายชดเชยให้ครอบครัวเฉพาะกรณีที่เราเสียชีวิตภายในระยะเวลาคุ้มครองตามกรมธรรม์เท่านั้น เช่น จ่ายเบี้ย 10 ปี คุ้มครอง 10 ปี โดยทุนประกันที่ทำควรจะครอบคลุมค่าใช้จ่ายทั้งหมดของคนที่เราดูแลรวมถึงภาระหนี้สินที่มีอยู่ เช่น ค่าเทอมลูกจนเรียบจบปริญญาตรี ค่าใช้จ่ายของครอบครัวสำหรับอีก 10 ปีข้างหน้า เป็นต้น
นอกจากนี้ ควรทำประกันสะสมทรัพย์รวมถึงประกันบำนาญ เพื่อเป็นเพื่อลดภาระทางภาษีและสามารถสะสมเป็นเงินออมเพื่อการเกษียณให้เราได้อีกด้วย
ประกันวัยเด็ด 50+
สำหรับวัยเด็ด ควรทำประกันสุขภาพมีความคุ้มครองโรคร้ายแรง เพื่อช่วยลดภาระค่ารักษาพยาบาลกรณีเจ็บป่วยร้ายแรงหรือต้องรักษาตัวในโรงพยาบาล ถัดมาที่แนะนำ คือ แบบประกันสะสมทรัพย์ รวมถึงประกันบำนาญ เพราะนอกจากจะสะสมเป็นเงินออมเพื่อการเกษียณแล้ว กรณีที่เราต้องจากไป ก็สามารถส่งต่อเงินก้อนเป็นมรดกให้กับลูกหลานต่อไป นอกจากนี้ ยังสามารถนำเบี้ยประกันไปลดหย่อนภาษีได้อีกด้วย
ประกันวัยเก๋า 60+
คนวัยเก๋ามักเจอปัญหาสุขภาพที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ดังนั้น ควรทำประกันสุขภาพและเพิ่มเติมความคุ้มครองโรคร้ายแรงอย่างต่อเนื่องเพื่อคุ้มครองกรณีเจ็บป่วยและช่วยลดภาระค่ารักษาพยาบาล นอกจากนี้ ในวัยนี้มีโอกาสเกิดอุบัติเหตุได้บ่อยขึ้น แนะนำให้ทำประกันอุบัติเหตุซึ่งจ่ายเบี้ยน้อย แต่ได้รับความคุ้มครองสูง ในกรณีที่เสียชีวิตยังสามารถส่งต่อเป็นมรดกให้กับลูกหลานได้ด้วย
สำหรับทุกช่วงวัย การทำประกันสุขภาพจำเป็นมากๆ ก่อนทำประกันควรตรวจสอบเงื่อนไขสวัสดิการค่ารักษาพยาบาลของที่ทำงานเพื่อวางแผนซื้อประกันสุขภาพให้เหมาะสม โดยเราควรทำประกันสุขภาพตั้งแต่อายุยังน้อยและมีสุขภาพดี เพื่อเวลาเจ็บป่วยจะได้ไม่ต้องไปกู้หนี้ยืมสินหรือนำเงินเก็บเพื่อการเกษียณมาจ่ายค่ารักษาพยาบาล ซึ่งโดยปกติแล้ว บริษัทประกันก็จะไม่รับทำประกันโรคที่เราเคยเป็นมาก่อน ที่สำคัญ อย่าลืมทบทวนวงเงินประกันสุขภาพให้เป็นปัจจุบันอยู่เสมอ
สำหรับใครที่มีบ้านหรือรถยนต์ ต้องไม่ลืมที่จะทำประกันอัคคีภัยบ้านและประกันรถยนต์ เพื่อช่วยแบ่งเบาภาระในกรณีที่เกิดความเสียหายกับทรัพย์สินทั้งบ้านและรถยนต์ นอกจากนี้ ในส่วนของประกันรถยนต์ยังคุ้มครองค่าเสียหายสำหรับการบาดเจ็บหรือเสียชีวิตของผู้โดยสารและบุคคลภายนอก รวมถึงความเสียหายที่เกิดแก่ทรัพย์สินของบุคคลภายนอกอีกด้วย
ทั้งนี้ ก่อนการซื้อประกัน ให้ตรวจสอบว่าเรามีกำลังในการจ่ายเบี้ยได้ครบตามระยะเวลาที่กำหนดหรือไม่
รวมถึงให้เช็คความต้องการใช้เงินและสภาพคล่องทางการเงินด้วย นอกจากนี้ ต้องดูเงื่อนไขของกรมธรรม์ด้วย ว่ามีข้อยกเว้นความคุ้มครองหรือมีเหตุอะไรบ้างที่จะทำให้บริษัทประกันจะไม่จ่ายค่าสินไหมหรือค่ารักษาพยาบาลให้เราหรือเปล่า ที่สำคัญมากๆ คือ ให้เลือกทำประกันกับบริษัทประกันที่น่าเชื่อถือและมั่นคง
หากเพื่อนๆ วางแผนทำประกันได้อย่างเหมาะสม เราก็จะได้รับความคุ้มครองจากเหตุการณ์ไม่คาดฝันทั้งหลาย ทีนี้ เราก็จะมั่นคงมั่งคั่ง แล้วก็จะมีความสุขทุกวันยันเกษียณเลยล่ะครับ