ปัจจุบัน เป็นช่วงของการประกาศผลการดำเนินงานไตรมาส 3 ของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหุ้นสหรัฐฯ ซึ่งล่าสุดมีบริษัทที่ประกาศงบออกมาแล้ว 398 จาก 499 แห่ง หรือราว 80% ของดัชนี S&P 500 โดยบริษัทส่วนใหญ่มีรายได้และกำไรเติบโตดีกว่าคาด แต่ในช่วงที่ผ่านมา ดูเหมือนตลาดจะไม่ได้ให้ความสำคัญกับประเด็นนี้มากนัก เนื่องจากได้รับแรงกดดันจากประเด็นการปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่องของผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ รวมถึงมีความกังวลจากความไม่สงบในตะวันออกกลางระหว่างประเทศอิสราเอลและกลุ่มติดอาวุธฮามาส อย่างไรก็ดี เรามองว่าหลังจากนี้ ตลาดน่าจะกลับมาให้ความสนใจต่อผลการดำเนินงานมากขึ้น หลังการประชุมล่าสุด Fed มีมติคงดอกเบี้ย พร้อมส่งสัญญาณสิ้นสุดวัฏจักรของการขึ้นดอกเบี้ย ประกอบกับประเด็นสงครามในตะวันออกกลางไม่ได้ลุกลามเป็นวงกว้าง โดยเราจะมาเจาะลึกผลการดำเนินงานของหุ้นสหรัฐฯ ที่ออกมาว่าเป็นอย่างไร
รายได้และกำไรต่อหุ้นในไตรมาส 3 ออกมาดีกว่าคาด
รายได้และกำไรในไตรมาส 3 ของบริษัทส่วนใหญ่ออกมาดีกว่าที่ตลาดคาด โดยกลุ่มธุรกิจที่ประกาศกำไรออกมาแล้วดีกว่าคาดอย่างโดดเด่น มีอยู่ 3 กลุ่ม ได้แก่
1. กลุ่ม Consumer Discretionary มีกำไรมากกว่าคาดที่ 21.39% โดยหุ้นที่ดีกว่าคาด เช่น หุ้น Amazon (ดีกว่าคาด 41.55%), Nike (ดีกว่าคาด 26.88%) และ General Motors (ดีกว่าคาด 23.84%)
2. กลุ่ม Communication Service มีกำไรมากกว่าคาดที่ 10.14% โดยหุ้นที่ดีกว่าคาด เช่น หุ้น Meta Platform (ดีกว่าคาด 22.06%), Comcast (ดีกว่าคาด 13.58%) และ Electronic Arts (ดีกว่าคาด 13.43%)
3. กลุ่ม Information Technology มีกำไรมากกว่าคาดที่ 8.83% โดยหุ้นที่ดีกว่าคาด เช่น หุ้น Intel (ดีกว่าคาด 91.13%), Microsoft (ดีกว่าคาด 12.63%) และ Lam Research (ดีกว่าคาด 9.51%)
ขณะที่กลุ่ม Energy มีกำไรน้อยกว่าคาดเนื่องจากหุ้น Chevron และ ExxonMobil ซึ่งเป็นบริษัทพลังงานขนาดใหญ่ 2 อันดับแรกในสหรัฐฯ ที่มีผลกำไรต่ำกว่าคาด
อัตราเติบโตของรายได้และกำไรฟื้นตัวเป็นครั้งแรกในรอบ 3 ไตรมาส
บริษัทจดทะเบียนในสหรัฐฯ มีรายได้และกำไรในไตรมาสที่ 3 เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้า โดยกำไรพลิกกลับมาเติบโตได้ จากที่ติดลบในไตรมาส 2 สะท้อนให้เห็นถึงความสามารถในการคุมค่าใช้จ่ายของบริษัทจดทะเบียนในไตรมาสที่ผ่านมา โดยนักวิเคราะห์คาดว่ากำไรของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหุ้นส่วนใหญ่มีแนวโน้มที่ดีขึ้นในไตรมาส 4 และจะดีขึ้นต่อเนื่องไปจนถึงไตรมาส 2 ของปี 2024
หากดูอัตราการเติบโตของกำไรตามรายกลุ่มธุรกิจแล้ว กลุ่มธุรกิจที่ขยายตัวได้อย่างโดดเด่น มีอยู่ 3 กลุ่ม ได้แก่
1. กลุ่ม Consumer Discretionary กำไรเติบโต +55.95% YoY โดยหุ้นที่มีอัตราการเติบโตของกำไรโดดเด่น ได้แก่ Amazon +375.88% YoY, Starbucks +30.88% YoY และ Ford +30.00% YoY หนุนจากยอดขายที่เพิ่มขึ้น
2. กลุ่ม Communication Service กำไรเติบโต +33.30% YoY โดยหุ้นที่มีอัตราการเติบโตของกำไรโดดเด่น ได้แก่ Meta Platform +167.68% YoY, Alphabet +46.23% YoY และ Netflix +20.32% YoY จากค่าโฆษณาและจำนวนผู้ใช้งานที่เพิ่มขึ้น
3. กลุ่ม Financials กำไรเติบโต +14.53% โดยหุ้นที่มีอัตราการเติบโตของกำไรโดดเด่น ได้แก่ Citicorp +24.31% YoY, American Express +13.58% YoY และ Wells Fargo +10.83% YoY จากรายได้ดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้นตามอัตราดอกเบี้ยนโยบาย
ส่วนกลุ่มธุรกิจที่มีกำไรหดตัวลงในไตรมาส 3 ได้แก่
1. กลุ่ม Energy กำไรลดลง -37.37% YoY นำโดย ExxonMobil และ Chevron ที่มีกำไรลดลง -48.99% YoY และ -45.14% YoY ตามลำดับ จากฐานที่สูงในปีที่แล้ว
กลุ่ม Health Care กำไรลดลง -19.50% YoY นำโดย Moderna และ Pfizer ที่มีกำไรลดลง -476.68% YoY และ -127.81% YoY ตามลำดับ จากยอดขายวัคซีน COVID-19 ที่ลดลงอย่างมาก
โดยภาพรวมของตัวเลขกำไรที่ประกาศออกมาในไตรมาสล่าสุดนั้นยังสามารถขยายตัวเมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันกับปีก่อนหน้าและมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาด โดยเฉพาะในกลุ่มธุรกิจที่มีสัดส่วนมากในดัชนี เช่น Information Technology และ Consumer Discretionary โดยเรามองว่าการปรับฐานของตลาดหุ้นในช่วงก่อนหน้าได้สะท้อนปัจจัยลบไปมากแล้ว หลังจากนี้ เราเชื่อว่าในระยะข้างหน้าผลการดำเนินงานจะกลับมามีบทบาทและเป็นปัจจัยผลักดันราคาหุ้นอีกครั้ง ท่ามกลางแรงกดดันจากปัจจัยด้านนโยบายการเงินและความขัดแย้งในพื้นตะวันออกกลางที่ลดลง
ที่มา: Bloomberg, FactSet
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่
TISCO Contact Center 0 2633 6000 กด 4 , 0 2080 6000 กด 4
ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนการตัดสินใจลงทุน
รายงานฉบับนี้ไม่ถือว่าเป็นคำเสนอหรือคำชี้ชวนให้ซื้อหรือขายหลักทรัพย์ และจัดทำขึ้นเป็นการเฉพาะเพื่อประโยชน์แก่บุคคลที่เกี่ยวข้องกับบริษัทเท่านั้น มิให้นำไปเผยแพร่ทางสื่อมวลชนหรือโดยทางอื่นใด ทิสโก้ไม่ต้องรับผิดต่อความเสียหายใดๆ ที่เกิดขึ้นโดยตรงหรือเป็นผลจากการใช้เนื้อหาหรือรายงานฉบับนี้ การนำไปซึ่งข้อมูล บทความ บทวิเคราะห์ และการคาดหมายทั้งหลายที่ปรากฏอยู่ในรายงานฉบับนี้เป็นการนำไปใช้โดยผู้ใช้ยอมรับความเสี่ยงและเป็นดุลยพินิจของผู้ใช้แต่ผู้เดียว