• อายุ

คนวัยหนุ่มสาวสามารถรับความเสี่ยงได้มากกว่าคนวัยกลางคนหรือคนใกล้เกษียณ เพราะมีระยะเวลาลงทุนที่นานกว่า จึงสามารถลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงอย่างหุ้นในสัดส่วนที่สูงกว่าได้

• สถานภาพทางการเงิน

คนที่มีวินัยในการออม ไม่มีหนี้หรือมีหนี้สินในระดับที่พอเหมาะ จะรับความเสี่ยงจากการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงสูงได้มากกว่าคนที่มีภาระด้านการเงินหรือมีหนี้สินพะรุงพะรัง

• ข้อจำกัดในการลงทุน

ระยะเวลาลงทุน ความต้องการสภาพคล่องในการซื้อขาย หรือสิทธิประโยชน์ทางภาษี เป็นตัวอย่างของข้อจำกัดในการลงทุน อย่างคนที่มีระยะเวลาลงทุนสั้นๆ ก็จะรับความเสี่ยงได้ต่ำ เลยต้องเน้นลงทุนในทรัพย์สินที่มีสภาพคล่องสูงอย่างเงินฝาก หรือกองทุนพันธบัตรระยะสั้น เพราะถ้าลงทุนในหุ้น แล้วหุ้นตก ก็ไม่เวลาพอที่จะรอให้ราคาหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นได้

• ทัศนคติต่อความเสี่ยง

“หุ้นเหรอ ไม่เอาอ่ะ กลัวขาดทุน” ใครคิดแบบนี้ รู้เลยว่ามีทัศนคติเชิงลบต่อความเสี่ยง และรับความเสี่ยงได้ต่ำ ส่วนคนที่บอกว่า “ลงทุนยาวๆ ไป เดี๋ยวหุ้นก็ขึ้นเองแหละ” ถือว่ามีทัศนคติเชิงบวกต่อความเสี่ยงและยินดีที่จะรับความเสี่ยงที่สูงกว่านั่นเอง

• การเลือกผลตอบแทนและการยอมรับผลขาดทุน

ใครชอบผลตอบแทนที่แน่นอนจากการฝากเงิน ทนไม่ได้หรอกถ้าต้องขาดทุน เป็นคนที่ยินดีรับความเสี่ยงต่ำ ส่วนคนที่อยากได้ผลตอบแทนสูงหรือกำไรเยอะ เช่น กำไรจากราคาหุ้นที่เพิ่มขึ้น เป็นต้น เข้าใจเรื่องความผันผวนจากการลงทุน ไม่กลัวขาดทุน เป็นคนที่ยินดีรับความเสี่ยงสูง

• ประสบการณ์ในการลงทุน

คนที่เคยลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงอย่างหุ้น ศึกษาจนรู้และเข้าใจผลตอบแทนจากการลงทุนมีความผันผวนทำให้มีโอกาสที่จะเกิดทั้งกำไรและขาดทุน จะเป็นคนที่ยินดีรับความเสี่ยงได้สูง  ส่วนคนที่ประสบการณ์ที่ไม่ดีกับการลงทุน เช่น ลงทุนในหุ้นปุ๊บก็ขาดทุนหนักมาก ก็จะรู้สึกเสียเซลฟ์ ไม่กล้าเสี่ยงลงทุนต่อ  ก็จะกลายเป็นคนที่ยินดีรับความเสี่ยงได้ต่ำนั่นเอง 

การเลือกลงทุนที่เหมาะสมกับความสามารถและความยินดีในการรับความเสี่ยงของตนเอง นอกจากจะทำให้เราได้ผลตอบแทนที่เหมาะสมกับระดับความเสี่ยงที่เรายอมรับได้แล้ว ยังทำให้เรารู้สึกสบายใจและมีความสุขในการลงทุนทุกวันยันเกษียณเลยล่ะครับ

เพื่อนๆ สามารถติดตามสาระดีๆ และข้อมูลข่าวสารด้านการวางแผนการเงินและการลงทุนได้ที่  
#สุขทุกวันยันเกษียณ #Smartretirement #Smartsaving #FreedombyTISCOPVD #PVDGURU #PVDmember