ส่องงบ 4 บริษัทใหญ่ในสหรัฐ ฯ Amazon , Apple , Eli Lilly , Coinbase

     ในช่วงนี้หนึ่งในประเด็นที่นักลงทุนให้ความสนใจเป็นพิเศษยังคงเป็นเรื่องของการรายงานผลการดำเนินงานในไตรมาส 1 ปี 2024 ของบริษัทจดทะเบียน โดยล่าสุดบริษัทจดทะเบียนในดัชนี S&P500 ได้ประกาศผลการดำเนินงานออกมาแล้วทั้งหมด 396 บริษัท หรือ ประมาณ 79% โดยรายงานรายได้ เติบโต +4.07% YoY และ กำไรเติบโต +4.63% YoY

     ซึ่งในสัปดาห์นี้เป็นอีกสัปดาห์ที่นักลงทุนจับตามอง เนื่องจากมีการรายงานผลการดำเนินงานของ 4 บริษัทยักษ์ใหญ่จาก 4 กลุ่มอุตสาหกรรม ได้แก่

· Amazon (Consumer Discretionary Sector, E-Commerce)

กำไรเติบโต 3 เท่า ธรุกิจ Cloud เติบโตต่อเนื่อง มุ่งเน้นลงทุนในธุรกิจด้าน AI เพิ่มขึ้น

     Amazon บริษัทยักษ์ใหญ่ด้าน e-Commerce และ Technology รายงานผลการดำเนินงาน Q1/2024 เติบโตดีกว่าคาด โดยมีกำไรสุทธิเติบโตเพิ่มขึ้นกว่า 3 เท่า อยู่ที่ $10.4 billion หนุนจากการควบคุมต้นทุนและค่าใช้จ่ายในช่วงที่ผ่านมา รวมถึงรายงาน Operating Income เพิ่มขึ้น +220% YoY อยู่ที่ $15.3 billion

     รายได้รวมของบริษัทเพิ่มขึ้น +13% YoY อยู่ที่ $143.3 billion โดยได้แรงหนุนหลักจากรายได้ธุรกิจโฆษณาที่เติบโต +24% YoY หลังจากที่ Amazon Prime Video ได้มีการแทรกโฆษณาระหว่างการรับชมในช่วงต้นปีที่ผ่านมา นอกจากนี้ รายได้จากธุรกิจ Cloud ของ AWS ก็ยังคงเติบโตเพิ่มขึ้น +17% YoY อยู่ที่ $25 billion และนับว่าเป็นการเพิ่มขึ้นมากที่สุดในรอบ 1 ปี ซึ่งเป็นผลมาจากความต้องการใช้บริการทางด้าน AI และ Cloud ยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

     ในอนาคตผู้บริหารยังคงมุ่งเน้นที่จะลงทุนในธุรกิจด้าน AI เพิ่มขึ้น โดย Amazon ยังไม่มีการประกาศจ่ายเงินปันผลเหมือนกับบริษัทเทคฯ ขนาดใหญ่หลายบริษัทถึงแม้ว่าจะมีการถือครองเงินสดสูงถึง $73.9 billion ก็ตาม

· Eli Lilly (Healthcare Sector, Biotech & Pharma)

กำไรเติบโตแข็งแกร่ง มีแผนเพิ่มกำลังการผลิต พร้อมปรับเพิ่มประมาณการรายได้ของปีนี้

     Eli Lilly บริษัทยาที่ใหญ่ที่สุดของสหรัฐฯ และยังถือเป็นผู้นำด้านยาลดความอ้วนรายใหญ่ของโลกอีกด้วย ล่าสุดรายงานผลการดำเนินงานไตรมาสแรกของปี 2024 ออกมามีรายได้ต่ำกว่าคาด แต่ยังมีกำไรที่เติบโตดีกว่าคาด โดยรายได้รวมของบริษัทอยู่ที่ $8.77 billion เติบโต +26% YoY ขณะที่กำไรสุทธิอยู่ที่ $2.24 billion เติบโตถึง +67% YoY หนุนจากยอดขายตัวยา Mounjaro, Zepound เป็นหลัก

     ความต้องการยารักษาโรคเบาหวานและโรคอ้วนเพิ่มขึ้นเป็นอย่างมาก ในขณะที่ปริมาณการผลิตยังคงจำกัด ส่งผลให้ราคายามีการปรับตัวเพิ่มขึ้น โดยในไตรมาสแรกบริษัทมีรายได้จากยอดขาย Mounjaro อยู่ที่ $1.81 billion เติบโตมากกว่า 3 เท่า เมื่อเทียบกับช่วงไตรมาสเดียวกันของปีก่อนหน้า และยอดขาย Zepound อยู่ที่ $517 million

     ทั้งนี้ ทางบริษัทมีแผนที่จะเพิ่มกำลังการผลิตยา Mounjaro และ Zepound ในช่วงครึ่งหลังของปี 2024 เพื่อให้ทันตอบสนองต่อความต้องการที่อยู่ในระดับสูง จึงได้มีการปรับประมาณการรายได้ทั้งปีนี้เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ $42.4 - $43.6 billion

· Apple (Technology Sector, Technology Hardware)

ประกาศผลการดำเนินงานดีกว่าคาด พร้อมประกาศซื้อหุ้นคืนวงเงิน $110 billion

     Apple รายงานผลการดำเนินงาน รายได้อยู่ที่ $90.75 billion หดตัว -4% YoY แต่สูงกว่าที่คาดไว้ โดยรายได้จาก iPhone อยู่ที่ $45.96 billion หดตัว -10% ด้านกำไรต่อหุ้นอยู่ที่ $1.53 ลดลงราว
-2% แต่สูงกว่าคาด ขณะที่ Gross margin อยู่ที่ 46.6% เป็นไปตามที่คาดการณ์ไว้

     สำหรับยอดขาย iPhone ที่ปรับลงนั้นสะท้อนอุปสงค์ที่อ่อนแอใน iPhone รุ่นล่าสุดที่เปิดตัวเมื่อเดือน ก.ย. ปีที่แล้ว ด้านยอดขาย Mac ปรับขึ้น +4% หนุนจาก MacBook Air รุ่นใหม่ที่ใช้ชิป M3 ซึ่งพึ่งเปิดตัวเมื่อเดือน มี.ค. ด้านรายได้จากทั้ง Apple Watch, AirPods และ iPad ปรับลง double digit อย่างไรก็ดี รายได้จากการบริการอย่างเช่น บริการ Subscription และช่องทางการชำระเงิน อยู่ที่ $23.9 billion เติบโต +14.2% ด้านยอดขายในตลาดใหญ่อย่างจีนปรับลง -8% อยู่ที่ $16.37 billion กดดันจากการแข่งขันที่สูงกับบริษัทจีน

     ทั้งนี้ Apple ประกาศซื้อหุ้นคืนด้วยวงเงินถึง $110 billion ซึ่งถือเป็นการซื้อคืนหุ้นมูลค่าสูงที่สุดของบริษัทในสหรัฐอเมริกา โดยเพิ่มขึ้น +22% จากการอนุมัติแรกในปี 2023 อีกทั้งบอร์ดของ Apple ยังอนุมัติแผนการจ่ายผลตอบแทนให้ผู้ถือหุ้นเพิ่มขึ้น โดยปรับเพิ่มเงินปันผลต่อไตรมาสเป็น $0.25 ต่อหุ้น ซึ่งจะมีผลตั้งแต่การจ่ายเงินในเดือนพฤษภาคมนี้

· Coinbase (Financial Sector, Institutional Financial Services)

รายงานงบออกมาดีกว่าคาด รายได้เติบโตถึง 2 เท่า หนุนจากราคาของ Crypto ที่ปรับตัวขึ้น

     Coinbase รายงานผลการดำเนินงาน รายได้อยู่ที่ $1.64 billion เพิ่มขึ้น +112.3% YoY และสูงกว่าคาดที่ $1.36 billion รับปัจจัยหนุนจากรายได้ในส่วนการสมัครสมาชิกใหม่และราคา Crypto ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น ด้านกำไรเพิ่มขึ้นอยู่ที่ $1.08 billion ซึ่งนับเป็นครั้งแรกของบริษัทที่มีกำไรมากกว่า $1 billion

     โดยในไตรมาสที่ผ่านมารายได้จากการทำธุรกรรมของลูกค้าบุคคลและสถาบันซึ่งเป็นรายได้หลักของบริษัทเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดดหนุนจากยอดการทำธุรกรรมที่เพิ่มขึ้น +102.5% YoY อยู่ที่ $256 billion โดยเพิ่มจากการเปิดบัญชีของลูกค้าใหม่ ประกอบกับการปรับตัวเพิ่มขึ้นของราคา Crypto โดยเฉพาะราคา Bitcoin ที่ช่วยหนุนให้นักลงทุนหันมาเทรดมากขึ้น

     บริษัทกล่าวว่า รายรับจากการทำธุรกรรมในช่วงเดือน เม.ย. เพิ่มขึ้นทะลุ $300 million แล้ว และคาดว่ารายได้รายได้จากการสมัครสมาชิกและบริการในไตรมาส 2 จะเพิ่มขึ้นอยู่ที่ระหว่าง $525-600 Million                                                                                                                                            

     หากดูข้อมูลการคาดการณ์ผลการดำเนินงานไตรมาส 1 ปี 2024 อ้างอิงจาก Factset (as of 26 April 2024) จะเห็นได้ว่ามีการการคาดการณ์รายได้ของบริษัทในดัชนี S&P500 จะเติบโต +4.0% YoY ส่วนกำไรจะเติบโตได้ +3.5% YoY และยังได้มีการคาดการณ์รายได้ในไตรมาส 2 ของปี 2024 โต +4.4% YoY และมีกำไรเติบโต +9.7% YoY ซึ่งถือเป็นมุมมองเชิงบวกต่อตลาด และคาดว่าจะเป็นแรงหนุนให้ตลาดสามารถปรับตัวเพิ่มขึ้นได้ดีในระยะข้างหน้า

 

ที่มา: CNBC , Bloomberg, FactSet, Company Website

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ TISCO Contact Center 0 2633 6000 กด 4 , 0 2080 6000 กด 4
ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนการตัดสินใจลงทุน

รายงานฉบับนี้ไม่ถือว่าเป็นคำเสนอหรือคำชี้ชวนให้ซื้อหรือขายหลักทรัพย์ และจัดทำขึ้นเป็นการเฉพาะเพื่อประโยชน์แก่บุคคลที่เกี่ยวข้องกับบริษัทเท่านั้น มิให้นำไปเผยแพร่ทางสื่อมวลชนหรือโดยทางอื่นใด ทิสโก้ไม่ต้องรับผิดต่อความเสียหายใดๆ ที่เกิดขึ้นโดยตรงหรือเป็นผลจากการใช้เนื้อหาหรือรายงานฉบับนี้ การนำไปซึ่งข้อมูล บทความ บทวิเคราะห์ และการคาดหมายทั้งหลายที่ปรากฏอยู่ในรายงานฉบับนี้เป็นการนำไปใช้โดยผู้ใช้ยอมรับความเสี่ยงและเป็นดุลยพินิจของผู้ใช้แต่ผู้เดียว