การออมอย่างชาญฉลาด คือ การเริ่มออมตั้งแต่อายุยังน้อย เพราะ “ระยะเวลาในการออม” เป็นปัจจัยหนึ่งที่สำคัญที่ทำให้เงินของเราเติบโต โดยคนที่ออมเร็ว แม้ออมต่อเดือนน้อยกว่า แต่ด้วยระยะเวลาออมที่นานกว่า ก็สามารถไปถึงเป้าหมายการมีเงินพอใช้หลังเกษียณได้ง่ายกว่าคนที่ออมช้า โดยให้ยึดหลัก “ออมก่อนใช้” ทุกครั้งที่เงินเดือนออก ให้กันส่วนหนึ่งไว้เป็นเงินออมและลงทุน จากนั้นค่อยนำเงินส่วนที่เหลือไปใช้จ่ายในสิ่งที่จำเป็นต่อไป

ซึ่งเงินออมก้อนแรกที่แนะนำให้ออม คือ เงินสำรองฉุกเฉินที่จะเอาไว้ใช้ในยามจำเป็นหรือเกิดเหตุฉุกเฉิน เช่น ขาดรายได้เนื่องจากเกิดอุบัติเหตุ หรือออกจากงานอย่างกระทันหัน เป็นต้น โดยให้เก็บเงินไว้ในทรัพย์สินที่มีสภาพคล่องและไม่มีความเสี่ยงว่าจะขาดทุน เช่น เงินฝากออมทรัพย์ เงินฝากประจำระยะสั้น เป็นต้น โดยเงินสำรองฉุกเฉินควรกันไว้ประมาณ 3-6 เท่าของค่าใช้จ่ายต่อเดือน

นอกจากนี้ ให้ออมและลงทุนเพื่อการเกษียณ โดยการลงทุนผ่านกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ (PVD) และกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) ซึ่งสามารถนำเงินลงทุนมาหักลดหย่อนภาษีได้ด้วย โดยให้แบ่งเงินลงทุนไปในสินทรัพย์เสี่ยง เช่น หุ้นทั้งในประเทศและต่างประเทศ เพื่อเพิ่มโอกาสในการได้รับผลตอบแทนที่สูงขึ้นในระยะยาว ซึ่งสัดส่วนการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงต้องขึ้นกับระดับการยอมรับความเสี่ยงของแต่ละคน ทั้งนี้ อัตราการออมเพื่อการเกษียณอย่างน้อยควรอยู่ที่ 10% - 20% ของรายได้

เทคนิคสำหรับการใช้จ่ายที่ดี จริงๆ แล้วไม่ยากอย่างที่คิด ให้เริ่มจากการทำงบประมาณรายรับ-รายจ่าย โดยเลือกใช้แอพพลิเคชั่นในมือถือที่มีให้เลือกดาวน์โหลดมากมายมาบันทึกรายรับ-รายจ่าย ซึ่งหลังจากที่ได้รับเงินเดือนและหักเงินออมตามที่เราตั้งเป้าไว้แล้ว ก็ให้ตั้งงบในการใช้จ่ายที่ไม่เกินรายได้ที่เหลืออยู่ แบ่งเป็นหมวดต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น ค่าอาหาร ค่าเดินทางมาทำงาน เป็นต้น จากนั้นให้พยายามใช้จ่ายภายใต้งบที่ตั้งไว้ให้ได้

นอกจากนี้ ไม่ควรก่อหนี้เพิ่ม โดยเฉพาะหนี้บัตรเครดิต หนี้ส่วนบุคคล และหนี้นอกระบบ ที่ดอกเบี้ยสูง และควรรีบจ่ายคืนหนี้เดิมที่มีอยู่ ไม่ว่าจะเป็น หนี้เงินกู้เพื่อการศึกษา หนี้กู้รถ เป็นต้น เพื่อวางแผนเก็บเงินก้อนโต หรือกู้เงินเพื่อซื้อทรัพย์สินชิ้นใหญ่ที่จะมีมูลค่าเพิ่มและสร้างความสะดวกสบายให้กับครอบครัว เช่น บ้าน เป็นต้น 

เราควรแบ่งเวลาจัดการความเครียดจากการทำงาน โดยหันมาทำกิจกรรมสร้างความสุขและเหมาะสมกับช่วงอายุของตนเอง เช่น การเดินทางท่องเที่ยวแบบแบ็คแพค ดูซีรี่ย์เกาหลียิ้มไปกับโอปป้าสุดเท่ห์ นวดผ่อนคลาย ปฏิบัติธรรมทำสมาธิ เป็นต้น

นอกจากนี้ ควรแบ่งเวลาให้กับครอบครัวอย่างเหมาะสมเพื่อสร้างรากฐานที่ดีให้กับครอบครัวและตอบแทนบุพการีของเรา ไม่ว่าจะเป็นการปลูกฝังให้ลูกรู้จักการออมและการวางแผนการเงินและลงทุนให้เหมาะสมกับช่วงวัยของตนเอง  การหาเวลาไปเยี่ยมคุณพ่อคุณแม่ พาท่านออกไปทานข้าวหรือท่องเที่ยวพักผ่อน วางแผนปรับปรุงบ้านให้เหมาะกับผู้สูงอายุ รวมถึงช่วยวางแผนการเงินเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการเกษียณของคุณพ่อคุณแม่ด้วย

เราคงเคยได้ยินว่า บางคนทำงานเก็บเงินมาทั้งชีวิต แต่สุดท้ายเงินเก็บหมดไปกับค่ารักษาพยาบาลโรคร้ายแรง บางคนต้องเสียบ้าน/รถไปด้วยอุบัติภัยที่คาดไม่ถึง 

ทางออกของเรื่องนี้ ก็คือ การบริหารความเสี่ยงด้วยการเลือกทำประกันที่เหมาะสมเพื่อความเสี่ยงในด้านต่างๆ ที่อาจจะเกิดขึ้นกับตัวเราและครอบครัวรวมถึงทรัพย์สินของเรา ไม่ว่าจะเป็น ประกันอุบัติเหตุที่จ่ายเบี้ยประกันน้อยแต่ได้ความคุ้มครองสูง ประกันสุขภาพที่คุ้มครองค่ารักษาพยาบาลที่สามารถวางแผนการซื้อให้เหมาะสมต่อยอดจากสวัสดิการของนายจ้าง ประกันสะสมทรัพย์เพื่อสะสมเป็นเงินออมตามกำลังของเรา ประกันบำนาญเป็นตัวเสริมที่ทำให้เรามีเงินส่วนหนึ่งไว้ใช้หลังเกษียณอย่างสม่ำเสมอ ซึ่งประกันบางประเภทสามารถนำเบี้ยประกันไปลดหย่อนภาษีสำหรับผู้ที่ต้องเสียภาษีอีกด้วย

ถ้าเพื่อนๆ อยากมีชีวิตที่มั่งคั่งมั่นคงในปัจจุบันและสุขสบายหลังเกษียณ เพื่อนๆ ควรวางแผนชีวิตแบบสมาร์ทอย่างเต็มกำลัง ซึ่งหากเพื่อนๆ ลงมือได้สำเร็จ เป้าหมายที่เพื่อนๆ ตั้งใจไว้อยู่ไม่ไกลเกินเอื้อมอย่างแน่นอนครับ

เพื่อนๆ สามารถติดตามสาระดีๆ และข้อมูลข่าวสารด้านการวางแผนการเงินและการลงทุนได้ที่ TISCO Smart Retirement Facebook : TISCO คลิก https://goo.gl/HKbuw4 #TISCOsmartretirement #สุขทุกวันยันเกษียณ #Smartretirement #Smartretirement #FreedombyTISCOPVD