ในชั่วโมงนี้เชื่อได้เลยว่าไม่มีใครที่อยากออมเงินโดยการฝากเงินธนาคารอย่างเดียว เพราะดอกเบี้ยช่างต่ำเตี้ยติดดินซะเหลือเกิน ดังนั้นการลงทุนในกองทุนหรือหุ้น น่าจะเป็นอีกคำตอบที่ดีของผู้ที่คาดหวังกำไรในระยะยาว แต่ก็ยังมีบางคนที่ยังกล้าๆ กลัวๆ ที่จะลงทุน เพราะไม่รู้ว่าตอนนี้ หุ้นแพงหรือยัง ถ้าลงทุนไปแล้วติดดอยหรือเปล่า?
การลงทุนตามเทคนิคที่มีชื่อว่า “Dollar-cost averaging (DCA)” จึงเป็นตัวช่วยแก้ปัญหาดังกล่าวให้แก่นักลงทุนมือใหม่อย่างเราๆ
ก่อนอื่นมาทำความรู้จัก “DCA” กันก่อน
“DCA" เป็นการลงทุนแบบถัวเฉลี่ย โดยผู้ลงทุนจะกำหนดวันที่ต้องการที่จะซื้อเป็นรายเดือน ในจำนวนเงินเงินที่เท่ากัน โดยไม่สนใจว่าราคาหน่วยลงทุน หรือราคาหุ้น ณ วันที่ลงทุนเป็นราคาเท่าไร เป็นการลงทุนแบบอัตโนมัติไปเรื่อยๆ ซึ่งการลงทุนแบบ “DCA” ต่างกับการซื้อถัวหุ้นที่เน้นจับจังหวะการลงทุนตามภาวะตลาดหุ้น เพื่อให้ได้ต้นทุนที่ลดลง
สมมุติว่า คุณมีเงินลงทุน 1,000 บาทต่อเดือน ต้องการซื้อกองทุน A เป็นเวลา 6 เดือน ตามตารางข้างล่าง
เดือน |
เงินลงทุนต่อเดือน |
ราคาต่อหน่วยกองทุน A |
จำนวนหน่วยที่ได้ |
1 |
1,000 |
15.00 |
66.67 หน่วย |
2 |
1,000 |
11.00 |
90.91 หน่วย |
3 |
1,000 |
12.00 |
83.33 หน่วย |
4 |
1,000 |
16.00 |
62.50 หน่วย |
5 |
1,000 |
18.00 |
55.56 หน่วย |
6 |
1,000 |
20.00 |
50.00 หน่วย |
|
รวม 6,000 บาท |
เฉลี่ย 14.67 บาท/หน่วย |
รวม 408.97 หน่วย |
จากตัวอย่างข้างต้น สรุปได้ว่าการลงทุนแบบ DCA ทำให้ราคาเฉลี่ยต่อหน่วยของกองทุนถูกกว่าการรอซื้อครั้งเดียวตอนสิ้นปี จากในตัวอย่างนี้การลงทุนแบบ DCA จะทำให้ราคาต่อหน่วยกองทุนต่ำกว่าซื้อครั้งเดียวในเดือน 6 สรุปง่ายๆ ก็คือซื้อถูกกว่านั่นเอง
ดังนั้น เทคนิค DCA ไม่ได้รับรองว่าคุณจะไม่ขาดทุนจากการลงทุนในหุ้น แต่ DCA เป็นเทคนิคที่เน้นสร้างวินัยในการลงทุน โดยที่คุณจะได้ซื้อกองทุนหรือหุ้นในราคาเฉลี่ย และคาดหวังผลตอบแทนที่ดีในระยะยาว
เพื่อนๆ สามารถติดตามสาระดีๆ และข้อมูลข่าวสารด้านการวางแผนการเงินและการลงทุนได้ที่ TISCO Smart Retirement Facebook : TISCO Line@ : @tiscoasset
#TISCOsmartretirement #สุขทุกวันยันเกษียณ #Smartretirement #SmartSaving